นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) มองว่าการประกาศกฎอัยการศึกเป็นแค่ยาชา เพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม และมองว่าการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ผอ.รส.) เชิญคู่ขัดแย้ง 7 ฝ่ายมาหารือหาทางออกประเทศ ซึ่งหวังว่าจะได้ข้อสรุปในวันนี้
"ยาชาหมดฤทธิ์เมื่อไหร่ก็จะดื้อยาเกรงว่าปัญหาจะบานปลายและนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น"นายสุพันธุ์ กล่าว
โดยเห็นว่าควรจะมี time frame ที่ชัดเจนว่าจะปฏิรูปก่อนเลือกตั้งหรือจะเลือกตั้งก่อนปฏิรูป หรือจะทำคู่ขนานเพราะตอนนี้ทุกอย่างติดขัดไปหมดหลังจากไม่มีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหา ส่งผลให้การอนุมัติงบประมาณต่างๆ สะดุดลง
"การเมืองที่เป็นปัญหามา 6 เดือนจีดีพีเราเองปีนี้คงโตไม่ถึง 3%...ถ้าไม่จบปัญหาอาจจะมีอีกหลายประเด็นตามมาและลากยาวต่อไปอีก GDP อาจจะต่ำกว่า 1% หรืออาจจะติดลบ ส่วนเป้าส่งออก 4-5% มองว่ายังมีความเป็นไปได้หากการผลิตการส่งออกยังทำได้และไม่มีอะไรหนักๆ ออกตามมานอกเหนือจากกฎอัยการศึก"นายสุพันธุ์ กล่าว
พร้อมกับมองว่า กฎอัยการศึกไม่ควรจะประกาศใช้เป็นเวลานาน ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายต่าง wait and see ประเทศไทยอยู่
"ตอนนี้คนยังมีความมั่นใจบ้านเราอยู่ เพราะบ้านเรามีความพร้อมเรื่อง Infrastructure เพียงแต่สะดุดขากันเองเท่านั้น การปลดพนักงานก็ยังไม่มี มีแต่ชะลอการจ้างงาน แต่ธุรกิจ Mice กระทบแน่นอน ท่องเที่ยวตลาด B+ จะหายไปเพราะไม่ต้องการเสี่ยง เพราะหลายประเทศ พวกบริษัทใหญ่ๆ พอเห็นประกาศกฎอัยการศึกก็จะห้ามการเดินทางมา "นายสุพันธุ์ กล่าว