รวมทั้งเฝ้าติดตามสถานการณ์ในประเทศอย่างใกล้ชิด และวางแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น โดยยังคงเดินหน้าจัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย พร้อมเสนอแพ็คเก็จการท่องเที่ยวที่คุ้มค่าแก่ผู้เข้าชมงาน ส่วนแผนกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเน้นทำแผนการท่องเที่ยวแนวใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจในทุกตลาด
สำหรับเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ ททท.จะพยายามผลักดันให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 28.01 ล้านคน คิดเป็นรายได้ 2.2 ล้านล้านบาท แต่หากผิดไปจากแผนก็คาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ 26.23 ล้านคน สร้างรายได้ 1.4 ล้านล้านบาท โดยแผนการดำเนินงานทั้งหมดจะนำเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ด ททท.ในสัปดาห์หน้า
ด้านนางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดหวังว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะสามารถแก้ปัญหาทางการเมืองได้และเร่งตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยสิ่งที่เอกชนต้องการเห็น คือ เร่งปฏิรูปโครงสร้างการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และคอร์รัปชั่นที่สะสมมานานเพื่อฟื้นความเชื่อมั่น พร้อมเรียกร้องให้ คสช.ผ่อนผันเคอร์ฟิวในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ได้รับผลกระทบ เช่น ภูเก็ต และเกาะสมุย เนื่องจากการรัฐประหารมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ และยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการท่องเที่ยวมีประสบการณ์ในการรับมือสถานการณ์ระดับหนึ่ง แต่ยอมรับบางรายอาจประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ซึ่งสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ได้ประสานไปยังธนาคารพาณิชย์ให้เร่งช่วยเหลือด้านแหล่งเงินทุนแก่ผู้ประกอบการที่มีปัญหา
ด้านนายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว กล่าวว่า ต้องการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจเต็มมาบริหารประเทศโดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้ภายใน 3 เดือน
น.ส.ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า สมาคมได้ประสานสมาชิกให้ข้อมูลข่าวสารแก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเรื่องการเดินทางและการปฏิบัติตัวระหว่างอยู่ในประเทศไทยแล้ว ทั้งนี้อัตราการเข้าพักในพื้นที่กรุงเทพฯ เดือน พ.ค.นี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 65% ลดลง 10-15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 75%