สำหรับโทษของการส่งงบการเงินล่าชั้นนั้น หากล่าช้าไม่เกิน 2 เดือน จะมีโทษปรับ 2,000-4,000 บาท, ไม่เกิน 4 เดือน ปรับ 8,000-48,000 บาท และเกิน 4 เดือน ปรับ 12,000-72,000 บาท แล้วแต่ประเภทของนิติบุคคล
นอกจากนี้ กรมฯ จะเดินหน้าผลักดันให้นิติบุคคลทั้งที่ทำธุรกิจทั่วไป บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และสำนักงานบัญชีคุณภาพให้ส่งงบการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) โดยตั้งเป้าว่าในปี 58 จะให้บริการส่งงบการเงินผ่านออนไลน์ควบคู่ไปกับการส่งงบการเงินแบบเอกสาร แต่ภายในปี 60 จะให้ส่งงบการเงินออนไลน์เพียงอย่างเดียว เพื่อให้งบการเงินของไทยเป็นมาตรฐานเดียวกัน
สำหรับประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น กรมฯ สามารถนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ ประมวลผลได้ในทันที จากเดิมที่ต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลไม่ต่ำกว่า 5-6 เดือน ขณะที่ภาคธุรกิจสามารถใช้เป็นข้อมูลในการทำธุรกิจ ยิ่งหากเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็จะทำให้นักลงทุนได้ข้อมูลที่รวดเร็วขึ้น ขณะที่ภาครัฐก็สามารถใช้เป็นฐานข้อมูลในการกำหนดนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนได้เร็วขึ้น
ด้านนายชัยณรงค์ โชไชย รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการตั้งหน่วยงานใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการบังคับใช้ของกฎหมายหลักประกันธุรกิจที่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการผลักดัน ซึ่งหลักของกฎหมายมีเป้าหมายเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจให้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น โดยให้ธุรกิจสามารถนำทรัพย์สินอื่นๆ เช่น วัตถุดิบ สินค้าในสต๊อก ใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ จากเดิมที่การขอกู้เงินจะใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน คือ ที่ดิน อาคาร และเครื่องจักร
"หลักของกฎหมาย ก็คือ การแปลงสินทรัพย์เป็นทุน โดยให้เอาทรัพย์สินที่ธุรกิจมีอยู่มาตีเป็นมูลค่าและเอาไปใช้ขอกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องได้ ซึ่งกรมฯ จะทำหน้าที่จดทะเบียนรับรองว่าบริษัทนี้ มีทรัพย์สินอันนั้น อันนี้ แล้วให้ธุรกิจเอาไปใช้กู้เงินจากแบงก์ ส่วนจะกู้ได้เท่าไร ยังไง ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแบงก์" นายชัยณรงค์กล่าว