ในเบื้องต้นกำหนดให้ผู้ประกอบการรายใหม่ที่ประสงค์ขอรับบริการสินเชื่อในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียงร้อยละ 5 ต่อปี คงที่เป็นเวลา 1 ปี (0.416 ต่อเดือน) หลังจากนั้นจะคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 6 ต่อปี (0.5 ต่อเดือน) ส่วนผู้ประกอบการที่ขอรับบริการสินเชื่อตั้งแต่ 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท จะได้รับอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 6 ต่อปี
อย่างไรก็ดีจากมาตรการดังกล่าว กรมฯ คาดว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถขับเคลื่อนกิจการต่อไปได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ต่ำกว่า 2,500 รายทั่วประเทศ ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 4,000 คน
"จากเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ แม้ว่าจะเริ่มคลี่คลายขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็พบว่าผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายย่อยและผู้ประกอบการกลุ่มวิสาหกิจชุมชน (Small Enterprise) ซึ่งมีจำนวนกว่า 2.7 ล้านราย (รายงานประจำปี สสว. 2556) ต่างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ประกอบกับในปี 2558 ที่กำลังจะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทำให้การแข่งขันทางการค้าน่าจะสูงขึ้นตามไปด้วย ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องสร้างความพร้อมในธุรกิจของตนเองในด้านต่าง ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดอาเซียน ซึ่งผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายย่อยส่วนใหญ่มักมีข้อจำกัดในด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของสถาบันการเงิน เพราะขาดความเชื่อมั่นในแผนธุรกิจและการประกอบการ ส่งผลให้ผู้ประกอบการซึ่งเป็นวิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดย่อมขาดสภาพคล่องทางการเงิน" นางอรรชกา กล่าว
อนึ่ง สำหรับปี 56 ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ขอเข้ารับบริการสินเชื่อจำนวน 213 ราย โดยแบ่งเป็นประเภทอุตสาหกรรม ดังนี้ อุตสาหกรรมอาหาร 40 ราย อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม 4 ราย อุตสาหกรรมผ้าและเครื่องแต่งกาย 63 ราย อุตสาหกรรมของใช้และเครื่องประดับตกแต่ง 41 ราย อุตสาหกรรมศิลปะประดิษฐ์และของที่ระลึก 19 ราย อุตสาหกรรมสมุนไพรที่ไม่ใช่ยาและอาหาร 4 ราย และอุตสาหกรรมอื่นๆ 42 ราย ซึ่งโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก นอกจากจะเป็นการช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการให้ได้ผลลัพท์อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ยังก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย โดยตั้งแต่ปี 2527 - 2556 สามารถสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตรายย่อยแล้วกว่า 23,000 ราย คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 1,600 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานใหม่ถึง 35,000 คน
นอกจากโครงการดังกล่าวแล้ว กสอ. ยังมีโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการอีกกว่า 50 โครงการเพื่อพัฒนาศักยภาพ SMEs ไทยให้สามารถแข่งขันได้ในอาเซียน เริ่มตั้งแต่การสนับสนุนปัจจัยเอื้อต่อการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมทั้งในด้านแหล่งข้อมูล การให้บริการทดสอบผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ประกอบการ SMEs และการสร้างที่ปรึกษาเพื่อให้บริการปรึกษาแนะนำในสถานประกอบการต่าง ๆ รวมถึงการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs รายเดิมและรายใหม่ ตลอดจนการพัฒนาองค์กรธุรกิจให้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น