ส่วนการปรับโครงส้างหนี้ในประเทศนั้น ในเดือนพฤษภาคม 2557 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศที่ครบกำหนด ดังนี้
1. พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 ที่ครบกำหนด จำนวน 121,035 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น (1) การใช้เงินกู้ล่วงหน้าจากกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ จำนวน 58,000 ล้านบาท (2) การออก R-bill จำนวน 40,000 ล้านบาท (3) การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 13,035 ล้านบาท และ (4) การกู้เงินระยะสั้น 10,000 ล้านบาท
2. พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 3) ที่ครบกำหนด จำนวน 3,000 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งจำนวน
ทั้งนี้ การรายงานการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลจะไม่รวมการ Roll over ตั๋วเงินคลัง เนื่องจากการกู้เงินโดยการออกตั๋วเงินคลังเป็นการกู้ในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่งจะไม่เกินวงเงินที่กำหนด โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ.2557 มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ – เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน 102,135 ล้านบาท และกระทรวงการคลังจะทำการ Roll over ตั๋วเงินคลังที่ครบกำหนดตามอายุของตั๋วเงินคลังในแต่ละรุ่น
3. การชำระหนี้ของรัฐบาล ในเดือนพฤษภาคม 2557 กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้ จำนวน 16,872.90 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การชำระหนี้ของรัฐบาลจากงบประมาณชำระหนี้ เป็นจำนวน 7,132.34 ล้านบาท ดังนี้ - ชำระหนี้ในประเทศ 7,109.13 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 333.51 ล้านบาท ดอกเบี้ย 6,774.98 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 0.64 ล้านบาท - ชำระหนี้ต่างประเทศ 23.21 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ย 23.19 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 0.02 ล้านบาท
ขณะที่การชำระหนี้ของรัฐบาลจากแหล่งอื่น เป็นจำนวน 9,740.56 ล้านบาท ดังนี้
(1) การชำระต้นเงินกู้ภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 จำนวน 175 ล้านบาท ที่กระทรวงการคลังกู้มาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันและรัฐบาลรับภาระแทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยใช้เงินที่สำนักงบประมาณจัดสรรให้
(2) การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก.ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 1) จำนวน 1,803.11 ล้านบาท เป็นการชำระดอกเบี้ยทั้งจำนวน โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2
(3) การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่สองฯ(FIDF 3) จำนวน 7,762.45 ล้านบาท แบ่งเป็นการชำระต้นเงินกู้ 7,202.03 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 1 ที่ได้รับจากการโอนสินทรัพย์คงเหลือในบัญชีผลประโยชน์ รวมถึงการชำระดอกเบี้ยจำนวน 560.42 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุน เพื่อการฟื้นฟูฯ 2
ทั้งนี้ แหล่งเงินที่นำเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2 ประกอบด้วย (1) เงินกำไรสุทธิของธนาคารแห่งประเทศไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 (2) เงินที่สถาบันการเงินนำส่งธนาคารแห่งประเทศไทย (3) เงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน และ (4) เงินโอนจากบัญชีกองทุนเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ฯ
ส่วนการบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจนั้น ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนพฤษภาคม 2557 รัฐวิสาหกิจไม่มีการกู้เงินในประเทศ ขณะที่การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนพฤษภาคม 2557 รัฐวิสาหกิจได้มีการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นเงิน 3,780.36 ล้านบาท