ทั้งนี้ ปตท.จำเป็นต้องปิดสถานีบริการเอ็นจีวีชั่วคราว รวม 4 แห่ง ดังนี้ วันที่ 13-22 มิ.ย.57 ปิดให้บริการ 3 แห่ง ประกอบด้วย สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. ทักษิณออยล์ อ.ท่าฉาง จ.สุราษฏร์ธานี, สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. ขนอม อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช และ สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. สายแก้วปิโตร 1999 ถ.ราษฎร์อุทิศ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ส่วนสถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. จะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา (จะปิดตลอดช่วงซ่อมบำรุง 13 มิ.ย.-10 ก.ค.) ซึ่งจากรายงานล่าสุดมีแนวโน้มว่า ปตท. จะสามารถสำรองก๊าซธรรมชาติไว้ในระบบ (Line Pack) เพิ่มขึ้น จึงคาดว่าจะสามารถทยอยจ่ายให้กับสถานีบริการฯ เพิ่มจากแผนที่วางไว้ ในช่วง 23 มิ.ย.-10 ก.ค.) เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถเอ็นจีวีได้มากขึ้น โดย ปตท. จะติดตามสถานการณ์และรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
นอกจากนี้ ปตท. ได้จัดตั้ง “ศูนย์ติดตามผลกระทบการปฏิบัติงาน กรณีแหล่งก๊าซเจดีเอปิดซ่อมบำรุง" ตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. 2557 ที่ผ่านมา โดยมีการสื่อสารและวีดิโอทางไกลเชื่อมต่อระหว่างศูนย์ติดตามผลกระทบฯ ที่ จ.กรุงเทพฯ และ จ.สุราษฏร์ธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าเป็นรายวัน จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติ
ด้านน.ส.ปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ทีมโฆษก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า คสช.มีความเป็นห่วงการใช้ไฟฟ้าของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ และได้กำชับไปยังกระทรวงพลังงานแล้วว่า ในช่วงที่มีการปิดซ่อมบำรุงแท่นผลิตก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาไทย-มาเลเซีย(JDA-A18) ระหว่างวันที่13 มิ.ย.-10 ก.ค.นี้ ขอให้มีผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ได้เพิ่มกำลังจากผลิตทั้งในประเทศและที่นำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย คาดว่าจะเพียงพอและทดแทนความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของภาคใต้ในช่วงดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนผู้ใช้ไฟในพื้นที่ภาคใต้ลดใช้พลังงานไฟฟ้าหรือใช้เท่าที่จำเป็น โดยเฉพาะช่วงเวลา 18.30-22.30 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุด