นางสาวสุวภา กล่าวอีกว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในปีนี้มีหุ้นดีๆ ให้นักลงทุนได้เลือกมากขึ้น ซึ่งทาง บล.ธนชาต ก็พยานามมองหาหุ้นที่มีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์และตอบโจทย์ ให้กับนักลงทุน ที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ว่าได้นำ บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์(CHG), บมจ.ออฟฟิศเมท(OFM) และ บมจ.แม็คกรุ๊ป(MC) เข้าจดทะเบียนให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ขณะที่ปีนี้ก็มี บมจ.เธียรสุรัตน์(TSR) ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของเครื่องทำน้ำด่าง และในอนาคตก็มองว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
"ปีนี้ทั้งปีเราตั้งเป้าไว้ 5 บริษัท ที่เราจะนำเข้าตลาด ซึ่งในครึ่งแรกที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ทางการเมือง ส่งผลให้บริษัทหลายรายขอชะลอออกไปก่อน จึงทำให้ทั้งปีไม่น่าจะเข้าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยในครึ่งปีหลังของงานที่ปรึกษาก็จะมีอีก 1-2 บริษัท เรามองว่าจากบริษัทฯที่ชะลอการเข้าตลาดก็น่าจะเลื่อนไปเป็นปีหน้า โดยระหว่างนี้ก็มีการจัดเตรียมเอกสารไว้ให้พร้อม ทั้งนี้บริษัทฯที่จะเข้ามาในครึ่งปีหลัง เราก็ยังคงจับกลุ่มบริษัทที่มีจุดเด่นในเรื่องของปัจจัย 4 อย่าง ยารักษาโรค อุปโภค-บริโภค เสื้อผ้า ซึ่งเชื่อว่าในระยะเวลา 3-4 ปีข้างหน้า เทรนในเรื่องของปัจจัย 4 จะมีความต้องการและมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก"น.ส.สุวภา กล่าว
สำหรับครึ่งหลังของปีนี้มองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้น และดีกว่าในครึ่งปีแรก หลังจากที่คณะรักษาความสงบ (คสช.)จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา โดยทั้งปีประเมินอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย(GDP) อยู่ที่ระดับ 2% และเชื่อมั่นว่าจากที่คณะกรรมการนโยบายทางการเงิน(กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิม จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยด้วย