นายบัณฑูร ยังกล่าวถึงการเติบโตของสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ คาดว่าจะเติบโตที่ระดับ 6-8% ภายใต้สมมติฐานที่ GDP จะขยายตัวประมาณ 2% โดยที่ผ่านมาการปล่อยสินเชื่อไม่ได้มีปัญหา ยกเว้นเพียงภาคการท่องเที่ยว แต่สิ่งที่ต้องระวังคือการถูกกีดกันทางการค้า ไม่ว่าจะมาจาการถูกดาวน์เกรดจากปัญหาค้ามนุษย์ หรือการแทรกแซงทางการเมืองจากความไม่เห็นด้วยกับระบบการบริหารประเทศไทย แต่มองว่าจะเป็นเพียงปัญหาระยะสั้นเท่านั้น เพราะถ้าตราบใดที่เราเดินหน้าประเทศไปในทางที่ทำให้ประเทศดีขึ้นในระยะยาว ในที่สุดแล้วความเชื่อมั่นจะกลับมาและการค้าก็น่าจะดีขึ้น
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การปฏิรูปการเลือกตั้งที่ทำให้ได้มาซึ่งการชิงอำนาจตามระบอบประชาธิปไตย การคัดสรรคนดีที่จะมีอำนาจขึ้นมาบริหารประเทศ เพื่อให้กระบวนการประชาธิปไตยดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะในที่สุดแล้วการบริหารประเทศแบบคสช.ก็ต้องสิ้นสุดลง
พร้อมระบุว่า อำนาจของภาครัฐเหมือนอำนาจส่วนตัว คนรับใช้ส่วนตัว แล้วแบบนี้จะมีคนดีๆ ที่ไหนมาคอยรับใช้ การที่คสช.เข้ามาบริหารประเทศอย่างน้อยก็ทำให้เรื่องที่ทะเลาะกันจนล้นถนนสงบลง และทุกคนมีสติที่จะมาดูแลประเทศ แน่นอนทำให้ภาคเอกชนดีใจ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือการปฏิรูปโครงสร้างประเทศจะทำได้มากน้อยเพียงใด เพราะเวลาค่อนข้างมีจำกัด
"ปัญหาตอนนี้คือไม่มีใครคานอำนาจภาครัฐ ทำให้เมื่อได้อำนาจมาก็ยิ่งมีอำนาจยิ่งๆ ขึ้นไป ก็หวังว่าคสช.จะทำอะไรทิ้งไว้ เพื่อเป็นการตรวจสอบผู้บริหารประเทศรุ่นหลังบ้าง สิ่งที่ภาคเอกชนและประชาชนทำได้คืออย่าสุภาพกับภาครัฐมากเกินไป ทั้งขณะเผชิญหน้ากับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ ต้องพยายามถาม เพื่อให้เขาหาเหตุผลสมควร หรือเหตุไม่สมควรมาตอบเราให้ได้ อย่าหงอ เพราะหากปล่อยให้การทำงานเป็นไปในลักษณะเดิมๆ การเลือกตั้งแบบเดิมๆ ก็ไม่ต่างกับการเอาเท้าลูบหน้าประชาชน" นายบัณฑูร กล่าว
ปัจจุบันภาคเอกชนไม่ได้มีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล เพราะที่ผ่านมาสามารถทำได้ดีอยู่แล้ว เนื่องจากมีกระบวนการการแข่งขันทำให้เกิดการเปรียบเทียบ ดังนั้นโดยรวมจึงสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ภาครัฐเพราะไม่มีใครสามารถคานอำนาจได้ แม้แต่ฝ่ายค้าน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ตอบคำถามผู้ถือหุ้นต่อหน้าสื่อมวลชนที่เป็นตัวแทนจากภาคประชาชน เพราะธนาคารรับเงินฝากมาจากประชาชนจึงมีหน้าที่ต้องตอบคำถาม ต้องรับผิดชอบ และนั่นถือเป็นความถูกต้องในการทำงาน ขณะที่ภาครัฐอ้างอย่างเดียวว่าการได้มาซึ่งอำนาจ มาจากการเลือกตั้งที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย แต่กลับทำในสิ่งตรงข้ามคือไม่มีการตอบคำถามแก่ประชาชนซึ่งเป็นผู้ให้อำนาจ เช่น ใช้งบประมาณไปเท่าไร เสียหายอย่างไร