จำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่ในเดือนนี้มีทั้งหมด 8,412 หน่วย เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา 40% (เดือนเมษายน 2557 มีจำนวน 6,013 หน่วย) เนื่องจากมีโครงการเปิดใหม่ในเดือนนี้ส่วนใหญ่เป็นโครงการอาคารชุด มีขนาดโครงการขนาดปานกลางถึงค่อนข้างขนาดใหญ่ หรือมีหน่วยขายเฉลี่ยต่อโครงการประมาณ 323 หน่วย และส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาโดยผู้ประกอบการที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และโครงการตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพชั้นใน จึงทำให้ถึงแม้ว่าจำนวนโครงการลดลง แต่จำนวนหน่วยขาย และมูลค่ากลับเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาค่อนข้างสูง
ประเภทที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดในเดือนนี้ ยังคงเป็นอาคารชุดเหมือนเดือนที่ผ่านมา โดยมีจำนวนหน่วยเปิดขาย 3,750 หน่วย (44.6%) รองลงมาคือ ทาวน์เฮ้าส์ 3,197 หน่วย (38.0%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านแฝด 852 หน่วย (10.1%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด
มูลค่ารวมของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2557 นี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 26,624 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา 42% (เดือนเมษายน 2557 มีมูลค่า 18,721 ล้านบาท) สินค้าที่เข้าสู่ตลาดส่วนใหญ่จะเป็นราคาปานกลางถึงค่อนข้างราคาแพง โดยมีระดับราคา 1-3 ล้านบาท 66% รองลงมา คือที่ราคา 5-10 ล้านบาท มีจำนวนประมาณ 17% และ อันดับ 3 ที่ราคา 3-5 ล้านบาท มีจำนวนประมาณ 16% ของหน่วยขายที่เปิดใหม่ทั้งหมดในเดือนนี้
เมื่อพิจารณาอัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 16% ซึ่งจากลดลงจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 17% ต่อเดือน โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีจำนวนหน่วยขายได้มากสุดอันดับ 1 คืออาคารชุดระดับราคา 2-3 ล้านบาท จำนวน 1,716 หน่วย ขายได้แล้ว 466 หน่วย (27%) รองลงคือ อาคารชุดระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 784 หน่วย ขายได้แล้ว 281 หน่วย (36%) และอันดับ 3 คืออาคารชุดระดับราคา 1-2 ล้านบาท จำนวน 271 หน่วย ขายได้แล้ว 123 หน่วย (45%)
ผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ จะพบว่าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) จำนวน 6 บริษัท คือ บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บมจ. ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) บมจ. ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP บมจ. อีสเทอร์น สตาร์ เรียลเอสเตท (ESTAR) และมีบริษัทในเครือบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 2 บริษัท นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัททั่วไปอีกจำนวนหนึ่ง