การบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุน SMEs และผู้ประกอบการรายย่อย กลุ่มที่เริ่มก่อตั้งธุรกิจหรือที่มีนวัตกรรม มีโอกาสที่จะเติบโต แต่ขาดแหล่งเงินทุนในการดำเนินธุรกิจ และไม่มีระบบที่จะเข้ามาสนับสนุนให้ได้รับความช่วยเหลือด้านแหล่งเงินทุนอย่างเป็นรูปธรรม จึงเป็นที่มาของความร่วมมือกันของหน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงวิสาหกิจชุมชน ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) และบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.)
"ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ริเริ่มโครงการนี้ระบุว่า ในจำนวนกลุ่ม SMEs กว่า 2 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็น SMEs ขนาดย่อมและวิสาหกิจชุมชน มีความพร้อมในด้านผลิตภัณฑ์แต่ขาดความรู้ด้านการบริหารทางการเงิน การตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงิน เนื่องจากขาดความพร้อมด้านหลักฐานทางการเงิน เพื่อให้สามารถต่อยอดจากวิสาหกิจขนาดย่อมหรือวิสาหกิจชุมชนขึ้นไปเป็นบริษัทหรือธุรกิจที่มีศักยภาพในอนาคตได้ ด้วยความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐที่ให้ความสนับสนุน SMEs มาอย่างต่อเนื่อง และมีความรู้จัก SMEs เป็นอย่างดีในการคัดเลือก SMEs ที่มีศักยภาพ เพื่อรับการสนับสนุนทางการเงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยขาดจุดเชื่อมต่อในส่วนตรงนี้" นายธัชพล กล่าว
พร้อมระบุว่า ธนาคารออมสินจะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการสนับสนุนด้านเงินทุนอย่างครบวงจร ทั้งในรูปการให้สินเชื่อและเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) ซึ่งในแบบหลังยังไม่ค่อยเกิดขึ้นมากนักในประเทศไทย ส่วนหน่วยงานพันธมิตร 6 แห่ง จะทำหน้าที่คัดกรองลูกค้าที่ผ่านกระบวนการนวัตกรรม การพัฒนาเทคโนโลยี การพัฒนาด้านการบริหารจัดการ ด้านการตลาด และช่องทางการจัดจำหน่าย เข้าร่วมโครงการ
นอกจากนี้ องค์กรทั้งหมดจะร่วมมือและผนึกพลังกันในการถ่ายทอดองค์ความรู้ และให้คำปรึกษาการสนับสนุนที่จำเป็นทั้งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม การบริหารจัดการการตลาด ระบบการเงิน และระบบขนส่งให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการให้ได้รับการพัฒนา สามารถเติบโตได้ต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไปด้วย
"โดยความร่วมมือจะมีระยะเวลา 5 ปี หากโครงการดำเนินงานได้อย่างสัมฤทธิ์ผลก็จะมีการพิจารณาความร่วมมือกันต่อไป เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่หน่วยงานพันธมิตรคัดกรองและพร้อมส่งให้ธนาคารออมสิน คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 12,000 ราย ซึ่งธนาคารออมสินได้จัดเตรียมวงเงินไว้รองรับในเบื้องต้นประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยจะพิจารณาผลักดันโครงการความร่วมมือนี้ให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด" นายธัชพล กล่าว