อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ 57 ณ สิ้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ยังต่ำกว่าเป้าหมาย 9 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายที่ 1.89 ล้านล้านบาท โดยในช่วงที่เหลือจากนี้ได้ให้นโยบายกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรทั่วประเทศให้เร่งจัดเก็บรายได้ในส่วนที่ยังสามารถดำเนินการให้ได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยให้ผลการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณดังกล่าวต่ำกว่าเป้าหมายน้อยกว่า 9 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงที่ทำการประเมินแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 57 ของกรมนั้นมีการคาดการณ์ว่าแนวโน้ม GDP จะขยายตัวได้ถึง 4.6% แต่เมื่อเกิดปัญหาการเมืองและปัจจัยเสี่ยงจากนอกประเทศ ส่งผลให้ GDP ปีนี้ลดลงเหลือ 1.5% และหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้ามาบริหารประเทศและเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้คาดว่า GDP ปีนี้จะขยายตัวได้ที่ 2% ก็น่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงการจัดเก็บรายได้ของกรม
นอกจากนี้ ได้ยืนยันและทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่สรรพากรทั่วประเทศในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ด้วยว่า จากนี้ไปกรมจะไม่มีนโยบายในการเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดและเก็บภาษีจากบุคคลที่ซื้อรถยนต์คันละ 3 ล้านบาทขึ้นไป และบ้านราคา 40 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากเห็นว่าการซื้อรถยนต์และบ้านในราคาดังกล่าว คนมีเงินเดือนพอสมควรก็สามารถซื้อได้อยู่แล้ว จึงเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปตรวจสอบกลุ่มบุคคลดังกล่าว
"มีการทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่สรรพากรทั่วประเทศแล้ว และยืนยันว่าจะไม่มีการศึกษาหรือดำเนินการตรวจสอบภาษีและรายได้ของบุคคลที่ซื้อรถยนต์ราคา 3 ล้านบาท และบ้านราคา 40 ล้านบาทขึ้นไปอีก แต่จะมีการเข้มงวดในการตรวจสอบภาษีในส่วนต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อป้องกันการตกแต่งบัญชีรายจ่าย หรือต้นทุน" นายประสงค์ กล่าว