อย่างไรก็ตาม ในแต่ละเดือนจากนี้คาดว่า จะสามารถระบายข้าวออกได้ไม่น้อยกว่า 500,000-600,000 ตัน แต่คงไม่มากเป็นล้านตันเหมือนที่ผ่านมา ทำให้คาดว่าในปีนี้ไทยน่าจะส่งออกข้าวได้ราว 10 ล้านตัน เพราะครึ่งปีแรกส่งออกได้แล้ว 5.35 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 50% คิดเป็นมูลค่า 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 19% ส่วนการระบายแบบจีทูจี ขณะนี้มีหลายประเทศสนใจซื้อ และอยู่ระหว่างการเจรจา เช่น อิรัก อิหร่าน หรือแอฟริกาก็มีความต้องการสูง สำหรับสัญญาเดิมกับจีน 1 ล้านตันนั้น ต้องส่งมอบให้แล้วเสร็จ เพราะขณะนี้เพิ่งส่งมอบไปเพียง 100,000 ตันเท่านั้น สำหรับสัญญาจีทูจีเดิม 7.3 ล้านตัน ที่ทำในรัฐบาลชุดก่อน มีการส่งมอบให้ผู้ซื้อบ้างแล้ว แต่ยังไม่ครบ ส่วนที่เหลือระงับการส่งมอบไปแล้ว
"วิธีการระบาย ยังคงใช้การประมูลทั่วไป การขายตรงให้กับผู้ส่งออก การข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และการประมูลผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) แต่อาจปรับเปลี่ยนวิธีดำเนินการบ้าง โดยจะเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ และเอกชนให้มากขึ้น และจะเปิดให้ทุกภาคส่วนเสนอซื้อข้าวรัฐได้ ไม่ขายยกโกดังเหมือนก่อน แต่อาจจะขายยกกอง ทำให้รายเล็กเสนอซื้อได้ ส่วนเรื่องความโปร่งใส จะต้องมีมากขึ้น เพราะคสช.ย้ำมากว่า ขายข้าวอย่าให้มีเงินทอน ผู้ซื้อให้ราคาเต็มๆ ได้เลย เงินจะได้เข้ารัฐเต็มจำนวน และคนซื้อก็จะมั่นใจด้วย"นางดวงพร กล่าว