กกร.เตรียมถกทิศทางศก.-ส่งออกกับ"ประยุทธ์"นัดแรก ยกSMEเป็นวาระแห่งชาติ

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday July 13, 2014 12:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (14 ก.ค.)จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คือ ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย โดยที่ประชุมจะหารือวาระกรอบการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ซึ่งจะมีการประชุมนัดแรกในวันที่ 16 ก.ค. นี้ รวมทั้งหารือแนวโน้มเศรษฐกิจ สถานการณ์การส่งออก การลงทุนในครึ่งปีหลังปี 57

นอกจากนี้จะหารือถึงสถานการณ์กรณีประเทศสหรัฐ ลดระดับความน่าเชื่อถือการตอบสนองในการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ของประเทศ ไทย ในระดับเทียร์ 3 ว่า มีผลกระทบต่อภาคการค้าหรือไม่อย่างไร แต่ละหน่วยงานมีการเสนอข้อคิดเห็น หรือแนวทางการแก้ไขปัญหา ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง และเชื่อว่า นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท.จะมีการหารือถึงแนวทางการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างเป็นรูปธรรม หลังจาก พล.อ. ประยุทธ์ หัวหน้าคสช. ได้ยกให้การส่งเสริม และพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เป็นวาระแห่งชาติ

นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมเชิญนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และผู้แทนประธานกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ร่วมประชุมหารือกับกระทรวงฯ ทุกเดือน เพื่อสนองนโยบาย คสช. ให้ทำงานร่วมกับภาคเอกชนใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การขับเคลื่อน และกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอุตฯ ขยายตัวอย่างยั่งยืน สลับกันเป็นเจ้าภาพครั้งแรก จะจัดที่กระทรวงอุตสาหกรรม ในวันที่ 15 ก.ค. เวลา 16.30- 18.30 น.

สำหรับการประชุมครั้งนี้ จะทำความเข้าใจการออกใบอนุญาตต่าง ๆ ของกระทรวงอุตสาหกรรม เช่น การพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) รูปแบบใหม่ ที่ลดขั้นตอนจาก 90 วัน เหลือ 30 วัน รวมถึงการออกใบอนุญาตประทานบัตร อาชญาบัตร และการออกใบอนุญาตแสดงเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ลดเวลาลงเหลือ 26 วันและการเปิดศูนย์อำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการให้บริการติดตามเรื่องใบอนุญาตต่าง ๆ ของหน่วยงานสังกัดกระทรวงฯ

ขณะเดียวกันจะหารือสนับสนุนนโยบายคสช. ที่เน้นให้โรงงานประกอบกิจการ คำนึงถึงความรับผิดชอบแก้ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม ขยะอุตสาหกรรม และการอยู่ร่วมกับชุมชน ไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชน จากปัจจุบันไทยมีโรงงาน 130,000 โรง เป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่ต้องกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย จำนวน 75,000 โรง

ผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้อง กระทรวงอุตสาหกรรม จะยกย่อง และมอบเครื่องหมายกรีน อินดัสตรี พิจารณาให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ รูปแบบของฟาสแทรค ในการอนุญาต และมีโครงการส่งเสริมสนับสนุนอื่น ๆ ด้วย

ส่วนรายที่ทำไม่ถูกต้องจะขอความร่วมมือจาก ส.อ.ท. ในการชักชวนหรือตักเตือน หรือมีมาตรการกำกับดูแลเพื่อให้ปฏิบัติตามกฎหมายด้วย เพราะอาจเป็นผู้สร้างความได้เปรียบเสียเปรียบทางธุรกิจ และช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ และด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม ซึ่งต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งส่งเสริมภาคเอสเอ็มอี ซึ่งได้ยกเป็นวาระแห่งชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เห็นตรงกันว่าจำเป็นต้องได้รับการส่งเสริม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ