โดยเมื่อช่วงเช้าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าจากเมื่อวาน หลังจากที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลในภูมิภาค ซึ่งเป็นเพราะการแถลงนโยบายการเงินครึ่งปีของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ต่อสภาคองเกรส ที่คาดว่าจะมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด ส่งผลให้ช่วงเช้าเงินบาทอ่อนค่าไปที่ระดับ 32.19 บาท/ดอลลาร์ และไม่ผ่านที่ 32.20 ซึ่งหลังจากนั้นก็ร่วงลงมาค่อนข้างแรง หลังจากจีนประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 1/57 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์
"เมื่อเช้าทำท่าเหมือนจะปรับอ่อนค่าไปอีก หลังจากที่ประธานเฟดบอกว่าอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วกว่าคาด บาทเลยอ่อนค่าไปแถวๆ 32.19 แต่ขึ้นไปไม่ไหว เลยร่วงลงมาค่อนข้างแรง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวเลข GDP ของจีนไตรมาสแรกที่ออกมา 7.5% ดีกว่าที่คาด คนก็มองแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชียน่าจะดีขึ้น" นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะยังมีทิศทางแข็งค่าต่อ โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวอยู่ 32.00-32.20 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งสัปดาห์นี้มีโอกาสที่จะเห็นเงินบาทแข็งค่าไปแตะที่ระดับ 32.00 บาท/ดอลลาร์ได้
- ปัจจัยสำคัญ
- ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 101.73 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 101.70 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3534 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3568 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,530.42 จุด เพิ่มขึ้น 5.89 จุด, +0.39%
- นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนช่วง 6 เดือนแรกของปี 57 (ม.ค.-มิ.ย.57) ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 534 โครงการ เงินลงทุนรวม 337,400 ล้านบาท โดยโครงการปรับลดลงร้อยละ 34.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 967 โครงการ ด้านเงินลงทุนปรับลดลงร้อยละ 43.7 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 599,500 ล้านบาท แต่มั่นใจว่า ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในปี 57 จะเป็นไปตามเป้าหมาย 700,000 ล้านบาท
- บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.)ผนึก สมาคมธนาคารไทย และสภาสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เดินหน้าแผนปฏิบัติการร่วมส่งความสุข SMEs ทั่วไทย ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันปีแรก วงเงินอนุมัติ 55,000 ล้านบาท เริ่มใช้ทันที มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ช่วยลดต้นทุนธุรกิจ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันสู่ธุรกิจยั่งยืน เร่งประสานทำงานเต็มรูปแบบ ยกระดับ SMEs สู่วาระแห่งชาติ
- เว็บไซต์ Kawalpemilu.org รายงานผลการนับคะแนนจากคูหาเลือกตั้งอินโดนีเซียว่า นายโจโค "โจโควี" วิโดโด ผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา มีคะแนนนำอดีตนายพลปราโบโว สุเบียนโต ที่ 52.9% ต่อ 47.1% โดยได้นับคะแนนไปแล้ว 2 ใน 3 จากจำนวนประชาชนที่มาใช้สิทธิเลือกตั้งราว 140 ล้านคน หรือ 75% ของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด ทั้งนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งคาดว่าจะสามารถยืนยันผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการได้ภายในวันที่ 22 ก.ค.
- ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ โดยดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.5% แตะ 339.93 จุด เมื่อเวลา 8.08 น.ตามเวลาลอนดอน ภายหลังจากที่จีนได้เปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวได้ 7.5% ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล
- องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) เปิดเผยในรายงาน "Connecting People with Jobs: Activation Policies in the United Kingdom" โดยระบุว่า ปัจจุบันตลาดแรงงานของอังกฤษมีตัวเลขจ้างงานทำสถิติถึง 30.5 ล้านคน ถึงแม้มีปัญหาที่เกิดจากวิกฤตการเงินและภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่ตามมา ขณะที่อัตราการว่างงานของอังกฤษลดลงจากระดับ 7.8% ในเดือนเม.ย.ปีก่อน มาอยู่ที่ 6.5% ในเม.ย.ปีนี้
พร้อมกันนี้ OECD ได้เสนอแนะรัฐบาลอังกฤษเกี่ยวกับแผนของรัฐบาลที่จะปฏิรูประบบสวัสดิการสำหรับผู้กลับไปทำงานอีกครั้ง โดยระบบสวัสดิการที่ได้รับการปฏิรูปดังกล่าว คือ ระบบ Universal Credit (UC) ปัจจุบันอยู่ในระยะเริ่มต้นใช้ทั่วประเทศ มีเป้าหมายเพื่อให้พ้นจากการว่างงานและเข้าสู่ตลาดงานได้ง่ายขึ้น
- ผู้นำของกลุ่มประเทศ BRICS ประกอบด้วย บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ เห็นพ้องกันในประเด็นโครงสร้างของธนาคารเพื่อการพัฒนาวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ พร้อมกันเห็นชอบเรื่องสถานที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของธนาคารแห่งใหม่ ซึ่งจะอยู่ที่ประเทศจีน โดยมีอินเดียรับหน้าที่ประธานเป็นสมัยแรก ในขณะที่ประเทศสมาชิกของกลุ่มจะได้รับตำแหน่งภายในธนาคารแห่งใหม่นี้ ทั้งนี้ หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการจัดตั้งธนาคารเพื่อการพัฒนาดังกล่าวก็เพื่อระดมทุนด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและโครงการพัฒนาที่ยั่งยืน