นางระวีวรรณ เนตระคเวสนะ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บมจ.ท่าอากาศยานไทย(ทอท.) หรือ AOT กล่าวว่า ทอท.ได้ว่าจ้างบริษัท คอร์เทค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ดำเนินการจัดหาและติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในการจัดระบบคิวแท็กซี่ (Kiosk) จำนวน 8 เครื่อง โดยให้ส่งมอบภายในวันที่ 31 ส.ค.57 งบประมาณ 23 ล้านบาท (รูปแบบเช่าระยะเวลา 3 ปี) โดยเพื่อติดตั้งที่ด้านหน้าชานชาลาอาคารผู้โดยสารชั้น 1 บริเวณประตู 4 และ 7 ชุดละ 4 เครื่อง เริ่มให้บริรได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้ ซึ่งระบบดังกล่าวจะทำให้ผู้โดยสารได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากสามารถกดรับบัตรคิวได้ด้วยตัวเอง เลือกขนาดรถให้เหมาะสมกับสัมภาระได้ ไม่มีคนกลางมาจัดคิวให้ ลดระยะเวลาการรอคิว จากการรับบัตรคิวเดิม 45 วินาที - 20 นาทีเหลือ เพียง 5-10 วินาทีเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังช่วยแก้ปัญหาร้องเรียนแท็กซี่ปฎิเสธรับผู้โดยสาร และไม่กดมิเตอร์ โดยปัจจุบันมีแท็กซี่ลงทะเบียนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 7,000 คัน ซี่งเป็นแท็กซี่ส่วนบุคคลถึง 75% โดยผู้ขับรถแท็กซี่ทุกคนจะมีบัตรสมาร์ทการ์ด หรือบัตรประจำตัวผ่านการตรวจสอบประวัติ ทำให้สามารถตรวจสอบการให้บริการได้ผ่านระบบจัดคิว แก้ปัญหาการกระทำผิดต่างๆที่มีการร้องเรียน เช่น ปฏิเสธรับผู้โดยสาร ไม่กดมิเตอร์ ได้เป็นอย่างดี โดยแต่ละวันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะมีผู้ใช้บริการรถสาธารณะ 20,000-30,000 คน ซึ่งการที่มีคณะทำงานของคสช.เข้ามาร่วมดำเนินการกำกับดูแลเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย ในขณะที่ทอท.ได้เตรียมความพร้อมล่วงหน้าไว้แล้วส่วนหนึ่งจึงเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์
"ระบบเดิมใช้คนในการจัดคิวแท็กซี่ เขียนบัตรคิว ซึ่งจะเกิดการเลือกผู้โดยสาร แท็กซี่ลัดคิวได้ตลอดเพราะทอท.ไม่สามารถลงไปควบคุมได้ตลอดเวลา แต่เมื่อใช้ระบบ Kiosk จะควบคุมได้ทั้งหมดและประหยัดค่าใช้จ่ายกว่ามาก จากปัจจุบันต้องจ้างเจ้าหน้าที่จัดคิวประมาณ 1 ล้านบาทต่อเดือน ซี่งใน 3 ปีมีค่าใช้จ่ายถึง 36 ล้านบาท แต่ระบบ Kiosk จ่าค่าเช่า 3 ปีวงเงิน 23 ล้านบาทเท่านั้น" นางระวีวรรณ กล่าว
นอกจากนี้ ทอท.จะมีการลงทุนอีกประมาณ 15 ล้านบาท ในการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์, โรงอาหาร, ห้องอาบน้ำ และห้องน้ำสาธารณะ ณ ศูนย์ขนส่งสาธารณะ โดยจะเริ่มประมูลในเดือนส.ค.นี้ ใช้เวลาก่อสร้าง 6 เดือน ทั้งนี้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ขับรถแท็กซี่ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ท่าอากาศยานทซึ่งสามารถรองรับได้ 650 คน
ด้านพ.ท.ธวัชชัย วรรณดิลก ผู้บังคับการกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 รักษาพระองค์ กล่าวว่า คณะทำงานด้านอัตราค่าโดยสารได้สรุปข้อเสนอโครงสร้างอัตรามิเตอร์แท็กซี่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเสนอไปยังผู้เกี่ยวข้อง คือ กรมการขนส่งทางบกและ คสช.เพื่อพิจารณาแล้ว โดยหลักการได้ประเมินจากปัญหากรณีแท็กซี่ไม่กดมิเตอร์ หรือปฎิเสธรับผู้โดยสารโดยเฉพาะการไปส่งนอกพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากอัตราค่ามิเตอร์ที่กำหนดไว้ไม่คุ้มค่า ในขณะที่ผู้ใช้บริการต้องการทราบราคาที่ชัดเจนก่อนประเมินและตัดสินใจเลือกใช้บริการระบบขนส่งที่มีทั้งแท็กซี่ รถลีมูซีน ซึ่งเบื้องต้นพื้นที่กทม.และปริมณฑลนั้น กรมการขนส่งทางบกมีการศึกษากรอบอัตรามิเตอร์ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับค่าครองชีพแล้ว ส่วนที่เสนอสำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คือ กรณีมีสัมภาระกระเป๋า กรณีชั่วโมงเร่งด่วน และกรณีไปต่างจังหวัดจะต้องกำหนดเป็นอัตราให้ชัดเจนในแต่ละโซนพื้นที่ เป็นต้น