"แม้ภาพรวมการส่งออกยังคงอ่อนแอและฟื้นตัวได้ช้าในช่วงครึ่งแรกของปี แต่ฐานเปรียบเทียบที่ต่ำและสัญญาณการฟื้นตัวในบางสินค้าที่หากเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ก็น่าจะช่วยชดเชยและเป็นความหวังให้กับแนวโน้มการส่งออกในระยะข้างหน้าได้" เอกสารเผยแพร่ระบุ
โดยกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร ข้าว/ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ยังเป็นที่ต้องการของตลาดจีนสำหรับการบริโภคและการผลิตเอทานอล อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามแนวนโยบายการระบายข้าวในโครงการรับจำนำ หลังจากการตรวจสอบสต็อกข้าวของคสช.เสร็จสิ้น ส่วนการส่งออกไก่สด แช่เย็นแช่แข็งและผัก ผลไม้กระป๋อง ยังไปได้ดีในตลาดสหภาพยุโรป และญี่ปุ่น
ส่วนการส่งออกยางพาราและน้ำตาล ยังเผชิญกับระดับสต็อกสินค้าที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ราคาทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ส่วนการส่งออกกุ้งสด แช่เย็น แช่แข็งนั้น ยังมีปัญหาด้านอุปทานที่ยังไม่สามารถผลิตได้มากเพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งแม้ว่าจะมีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการอนุญาตให้ผู้ส่งออกกุ้งสามารถนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศอย่างอินเดียหรือเวียดนาม หรือการเร่งเพาะลูกกุ้งเพื่อขยายพันธุ์เพิ่มผลผลิต แต่ก็คาดว่า การส่งออกกุ้งยังต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้เป็นปกติ
ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังของตลาดคู่ค้าหลัก (สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น) อาจหนุนให้สินค้าอุตสาหกรรมมีแนวโน้มการส่งออกได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกรถยนต์/อุปกรณ์/ส่วนประกอบ (ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ให้การตอบรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว และจะมีการขยายไปทำตลาดสหภาพยุโรปต่อไป) สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะแผงวงจรรวม วงจรไฟฟ้า ส่วนทิศทางการส่งออกฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (Hard disk drive: HDD)นั้น อาจไปได้ดีในส่วนที่สามารถรองรับระบบจัดเก็บข้อมูลออนไลน์ (Cloud Computing) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในตลาดสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปในขณะนี้
ขณะที่กลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม แม้ว่ามูลค่าการส่งออกน่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี แต่ยังมีประเด็นที่ต้องจับตาในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะแต่ประเด็นการตัดสิทธิ GSP ของสหภาพยุโรปในต้นปี 2558 ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าในกลุ่มนี้ได้
ส่วนการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่ไม่นับรวมทองคำก็น่าจะสามารถส่งออกได้มากขึ้น ตามการฟื้นตัวของตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปและจีน ในขณะที่อินเดีย แม้การส่งออกเครื่องประดับจะมีมูลค่าสูงและมีแนวโน้มขยายตัว แต่ยังมีประเด็นเกี่ยวกับปัญหาเรื่องใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Rule of origin) ที่อาจส่งผลต่อการส่งออกเครื่องประดับไปยังตลาดผู้บริโภคในอินเดียได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า แม้ว่ามูลค่าการส่งออกในเดือนมิ.ย.57 จะพลิกกลับมาขยายตัวมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนที่ร้อยละ 3.9 ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อสถานการณ์การส่งออกไทยนับจากนี้ที่จะมีการขยายตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าในหมวดอุตสาหกรรม อาทิ แผงวงจรรวม(IC) เครื่องใช้ไฟฟ้า และยานยนต์และชิ้นส่วน ที่น่าจะได้รับอานิสงส์จากโมเมนตัมที่วกกลับมาอีกครั้งของเศรษฐกิจแกนสำคัญของโลก แต่ผลบวกของเศรษฐกิจโลกที่มีต่อสถานการณ์ส่งออกสินค้าของไทยจะเป็นไปในกรอบที่จำกัด เนื่องจากยังต้องรอสัญญาณการฟื้นตัวที่มั่นคงมากขึ้นจากตลาดจีนที่เป็นคู่ค้ารายสำคัญ เพราะไม่เพียงจะมีผลต่อทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรเท่านั้น แต่ยังมีนัยต่อสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียด้วยเช่นกัน