“แม้ว่าการลงทุนในภาคตะวันออกของไทย ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี และอุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งเป็นของบริษัทขนาดใหญ่ แต่นักลงทุนไทยขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนที่รับช่วงการผลิตของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ก็มีศักยภาพสูง เช่น อุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หรือแม้แต่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนโลหะและเครื่องจักรกล ก็สามารถเข้าไปลงทุนผลิตชิ้นส่วนหรือเครื่องจักรกลการเกษตรได้ ดังนั้น บีโอไอจึงต้องการสนับสนุนให้นักลงทุนไทยในกลุ่มนี้แสวงหาโอกาสในการไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านในช่วงที่จะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งในอนาคต การลงทุนจากหลายประเทศที่หลั่งไหลเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านของไทย ก็จะกลายเป็นตลาดสำคัญของนักลงทุนไทยที่เข้าไปยึดหัวหาดไว้แล้ว" นางศิริพร กล่าว
ทั้งนี้ บีโอไอได้กำหนดนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปลงทุนในต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมพาคณะนักธุรกิจและนักลงทุนไทยเดินทางไปศึกษาโอกาสและลู่ทางการลงทุนในต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ และในอนาคต ยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่ของบีโอไอ ก็จะมุ่งเน้นการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้นักลงทุนไทยมีความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในระยะยาว โดยได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาแล้วเกือบ 200 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในพื้นที่กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลทางการเกษตร แสดงให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุนที่ต้องการออกไปลงทุนและต่อยอดธุรกิจของตัวเองในต่างประเทศจำนวนมาก