อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจและการเงินของ บตท. ที่ปรับตัวดีขึ้น และการได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง อันดับเครดิตเฉพาะของ บตท. มีแนวโน้มที่ดีหลังประสบความสำเร็จจากโครงการความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ชั้นนำซึ่งมีส่วนสนับสนุนให้พอร์ตสินเชื่อในปี 2556 เติบโตขึ้น 2 เท่าจากปีก่อน นอกจากนี้ บตท. ยังมีกำไรต่อเนื่องมาเป็นเวลา 6 ปีแล้วแม้รายได้จะมีความผันผวนก็ตาม อย่างไรก็ดี อันดับเครดิตเฉพาะของ บตท. มีข้อจำกัดจากความท้าทายที่จะควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ภายหลังขยายพอร์ตสินเชื่อจำนวนมากระหว่างปี 2554-2556 และความสามารถในการรักษาระดับเงินทุนที่เพียงพอในระยะกลาง
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนการคาดการณ์ในระยะปานกลางว่าผู้บริหารของ บตท. จะสามารถพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานและควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ รวมทั้งสามารถซื้อพอร์ตสินเชื่อจำนวนมากจากสถาบันการเงินที่เป็นพันธมิตรได้ตามแผน แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความคาดหวังว่าความสัมพันธ์ของ บตท. กับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินจากรัฐบาลจะไม่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต
บตท. เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจซึ่งถือหุ้น 100% โดยกระทรวงการคลัง บตท. มีบทบาทในการส่งเสริมตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยของไทยและมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการได้รับสิทธิพิเศษด้านกฎหมายและการยกเว้นภาษีภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 อีกทั้งรัฐบาลยังแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนโดยการอนุมัติเงินเพิ่มทุนในปีงบประมาณปัจจุบันด้วย
บตท. ก่อตั้งในปี 2540 ภายใต้ พ.ร.ก. บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1,000 ล้านบาท ภายใต้ พ.ร.ก. ดังกล่าว รัฐบาลสามารถค้ำประกันตราสารหนี้ที่ออกโดย บตท. ได้ไม่เกิน 4 เท่าของเงินกองทุน ต่อมาในเดือนมกราคม 2552 กระทรวงการคลังได้เพิ่มทุนให้แก่ บตท. อีก 100 ล้านบาท และล่าสุดกระทรวงการคลังยังอนุมัติการเพิ่มทุนให้อีกจำนวน 130 ล้านบาทสำหรับปีงบประมาณ 2557 ซึ่งเงินทุนดังกล่าวสามารถซื้อพอร์ตสินเชื่อได้เพิ่มขึ้นจาก 27,000 ล้านบาทเป็น 31,000 ล้านบาท คณะกรรมการของ บตท. ประกอบด้วยตัวแทนที่หลากหลายจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมที่ดิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมด้วยผู้มีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่เหมาะสมอีก 4 ตำแหน่งและกรรมการผู้จัดการของ บตท. ทั้งนี้ โครงสร้างคณะกรรมการของ บตท. มีความเหมาะสมในการรองรับการดำเนินงานตามพันธกิจ
เป้าหมายในการก่อตั้ง บตท. คือ การสร้างตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยและเสนอสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราคงที่ระยะยาวแก่ผู้ซื้อบ้าน ซึ่งประมาณ 80% ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่อยู่ในพอร์ตของ บตท. เป็นการซื้อมาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยในตลาดแรก แล้วนำมาใช้เป็นสินทรัพย์หนุนหลังการออกตราสารทางการเงินและขายตราสารดังกล่าวให้แก่นักลงทุน
บตท. มีโอกาสทางธุรกิจที่ดีขึ้นหลังจากสามารถบรรลุเป้าหมายกลยุทธ์ทางธุรกิจหลายประการ ตัวอย่างคือการขยายความร่วมมือไปยังสถาบันการเงินพันธมิตรเป็นจำนวนมากและพันธมิตรดังกล่าวได้ขายพอร์ตสินเชื่อมาให้ บตท. ตั้งแต่ปี 2552-2556 บตท. ได้จัดซื้อยอดสินเชื่อใหม่ 152 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2553 และ 392 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2554 ทั้งนี้ ในปี 2555 บตท. ได้จัดซื้อสินเชื่อใหม่จากโครงการร่วมมือกับพันธมิตรรวมถึง 3,256 ล้านบาท ผลของความร่วมมือกับพันธมิตร บตท. ส่งผลให้ บตท. มีพอร์ตสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 1,732 ล้านบาท ในปี 2554 เป็น 4,756 ล้านบาทในปี 2555 และเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเป็น 8,610 ล้านบาท ในปี 2556
การควบคุมคุณภาพสินเชื่อเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับ บตท. เนื่องจากสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้นทำให้ บตท. มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 329 ล้านบาทในปี 2550 หลังจากที่มีผลขาดทุนสุทธิ 99 ล้านบาทในปี 2549 และ 120 ล้านบาทในปี 2548 ภายหลังจากการตัดจำหน่ายหนี้สูญจำนวน 318 ล้านบาทในปี 2550 แล้ว อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของ บตท. ก็ลดลงจาก 39.79% ในปี 2549 มาอยู่ที่ระดับ 6.90% ในปี 2550 อัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 8.94% ในปี 2551 และเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 18.84% ในปี 2554 ผลจากการเพิ่มขึ้นของพอร์ตสินเชื่อทำให้อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมในปี 2555 ลดลงมาอยู่ที่ 5.57% และลดลงมาอยู่ที่ 3.33% ในปี 2556 ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ระดับ 5.8% ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทั้ง 8 แห่ง ณ เดือนกันยายน 2556 แต่สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยระดับ 3.38% ของธนาคารพาณิชย์ 15 แห่ง ณ เดือนธันวาคม 2556 อย่างไรก็ตามในจำนวนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ทั้งหมดของบตท. มีอยู่ 61% เป็นสินเชื่อที่จัดซื้อก่อนปี 2551 ในขณะทีอีก 39% เป็นสินเชื่อที่จัดซื้อมาในปี 2552-2556 ทริสเรทติ้งยังคงต้องติดตามความสามารถในการควบคุมคุณภาพของสินเชื่อของ บตท. ต่อไป
ความสามารถในการทำกำไรของ บตท. ดีขึ้นตั้งแต่ปี 2551 โดย บตท. รายงานผลกำไรสุทธิ 22 ล้านบาทหลังจากขาดทุนติดต่อกันมา 3 ปี และรายงานผลกำไรสุทธิ 26 ล้านบาทในปี 2552 ในขณะที่ในปี 2553 บตท. มีกำไรสุทธิเพียง 0.3 ล้านบาทเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายการหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญตามเกณฑ์มาตรฐานบัญชี IAS39 และการลดลงของรายได้จากการดำเนินงาน ในปี 2554 กำไรสุทธิของ บตท. ฟื้นตัวขึ้นเป็น 4 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 9.9 ล้านบาทในปี 2555 จากการขยายตัวของสินเชื่อและการมีค่าใช้จ่ายสำหรับรายการหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 2556 บตท. มีกำไรสุทธิ 26 ล้านบาท
ฐานเงินทุนหลักของ บตท. มาจากตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น โดย ณ เดือนมิถุนายน 2556 มีสัดส่วนคิดเป็น 84% ของเงินทุนรวม ในเดือนกรกฎาคม 2556 บตท. เพิ่มแหล่งเงินทุนโดยการออกพันธบัตร 1,000 ล้านบาท ทำให้ฐานเงินทุนที่มาจากตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้นลดลงเหลือ 67% นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 บตท. จัดหาแหล่งเงินทุนจากการออกตราสารทางการเงินซึ่งมีกระแสเงินสดจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลัง (Mortgage-backed Securities -- MBS) เพื่อให้สอดคล้องกับมูลค่าและระยะเวลาของสินเชื่อที่ซื้อมา 1,500 ล้านบาท บตท. สามารถทำตามพันธกิจในการพัฒนาตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยได้ โดยระหว่างปี 2545 ถึง 2556 บตท. ประสบความสำเร็จในการออก MBS และตราสารทางการเงินซึ่งมีกระแสเงินสดจากสินทรัพย์หนุนหลัง (Asset-backed Securities -- ABS) ถึง 6 ครั้ง มูลค่ารวม 3,411.5 ล้านบาท การออกตราสารดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประเภทของตราสารทางการเงินใหม่ ๆ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุน และช่วยลดความไม่สมดุลระหว่างโครงสร้างของสินทรัพย์และหนี้สินของ บตท. ในปัจจุบัน
ในปี 2555-2556 บตท. มีการขยายพอร์ตสินเชื่อจำนวนมาก ส่งผลให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงลดลงจาก 77.7% ในปี 2554 มาอยู่ที่ 16.98% ในปี 2555 และอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมลดลงจาก 36.29% ในปี 2554 มาอยู่ที่ 8.22% ในปี 2556 ทริสเรทติ้งคาดว่า บตท. จะสามารถรักษาระดับเงินกองทุนที่เพียงพอสำหรับรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมที่มีต่อการดำเนินงานของ บตท. ในอนาคตได้