ทั้งนี้ ธนาคารยังคงมีความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังนี้ เห็นได้จากตัวเลขประมาณการของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ประเมินว่า ความต้องการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวจากสถานการณ์การเมืองที่เริ่มมีเสถียรภาพ การกระตุ้นบรรยากาศในภาคการท่องเที่ยว และการลงทุนภาคธุรกิจให้ทยอยฟื้นตัว ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ จากภาครัฐ ทำให้มีการปรับเพิ่ม GDP จาก 1.8% เป็น 2.3%
สำหรับครึ่งปีหลังนี้ ธนาคารเน้นการขยายฐานลูกค้าใหม่ ตั้งเป้ามีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นในปี 2557 เป็นจำนวน 3.3 ล้านราย โดยมีกลยุทธ์สำคัญคือ การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการในลักษณะที่เป็น Lifestyle Experiences ที่ทำให้การทำธุรกรรมการเงินเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของลูกค้า และตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็น Lifestyle Banking รวมทั้งระดมกิจกรรมการตลาดเต็มรูปแบบเพื่อขยายฐานลูกค้าที่อยู่ในจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่ เพื่อเพิ่มสัดส่วนลูกค้าและฐานรายได้ให้มาจากต่างจังหวัดมากขึ้น โดยจะดำเนินงานผ่าน 4 แกนหลัก ได้แก่
การนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เจาะไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละกลุ่มที่มีความสนใจเฉพาะเรื่อง เช่น ร่วมมือกับดูคาติ ไทยแลนด์ ออกบัตรเดบิตลิมิเต็ด เอดิชั่น "ดูคาติ เดบิต การ์ด"(Ducati Debit Card), ร่วมกับ LINE ประเทศไทย เปิดตัวเกมเศรษฐี LINE Let’s Get Rich ซึ่งธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้สนับสนุนหลักและกลายเป็นเกมที่มีสถิติการดาวน์โหลดสูงสุดในขณะนี้ โดยเตรียมเปิดตัวบัตรเดบิต LINE Get Rich ในเดือนสิงหาคมนี้
ด้านการให้บริการของทีมงานที่ปรึกษา ขยายบริการ K-Expert ให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชนในทุกระดับโดยเฉพาะตามจังหวัดหัวเมืองใหญ่ พร้อมแผนเพิ่ม K-Expert เป็น 4,000 คน โดยมีกิจกรรมสำคัญในครึ่งปีหลังคือ การร่วมมือกับกับบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด จัดกิจกรรมภายใต้ชื่อ "Meet the Expert อยากรวยเรียกพี่" ในรูปแบบละครเวทีสอดแทรกความรู้ทางการเงินการลงทุนรูปแบบใหม่ที่จะแปลงเรื่องที่เข้าใจยากให้มีรูปแบบสนุกสนาน เข้าใจง่าย และที่สำคัญคือจะต้องนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ มีบริษัทเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ เป็นผู้ผลิต เริ่มออนทัวร์ใน 5 ภาค 5 จังหวัดทั่วไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ อุดรธานี และหาดใหญ่ ตั้งแต่เดือน ส.ค.ถึง ต.ค. คาดว่าจะมีผู้ร่วมกิจกรรมครั้งนี้กว่า 6,000 คน
ในขณะที่การให้บริการเน้นการนำเสนอนวัตกรรม เทคโนโลยี ที่มีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อทำให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้บริการ และได้รับความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมการเงิน เช่น การบริการตู้นิรภัยอัจฉริยะระบบ Intelligent Safe Deposit Box ให้กับลูกค้าเดอะ วิสดอม กสิกรไทย ซึ่งเป็นที่แรกในประเทศไทย
และสุดท้ายคือ ช่องทางการให้บริการ เน้นการขยายสาขาและฐานลูกค้าต่างจังหวัดเป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพการเติบโตในระดับสูง ในครึ่งปีแรกธนาคารได้เปิดสาขาเพิ่ม 89 สาขา และตั้งเป้าจะเปิดเพิ่มในปีนี้รวม 170 สาขา ทำให้สิ้นปีนี้ธนาคารจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 1,145 สาขา ในด้านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้เพิ่มจำนวนเครื่อง Self-Service ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมีจำนวนเครื่อง ATM แล้วประมาณ 9,500 เครื่อง และมีจำนวนเครื่องรับฝาก-ถอนเงินสดอัตโนมัติมากกว่า 2,700 เครื่อง
นายปกรณ์ กล่าวว่า ธนาคารยังคงเฝ้าดูสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองอย่างใกล้ชิด และปรับแผนเป็นระยะเพื่อสามารถบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ โดยตั้งเป้าหมายรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเติบโต 20-23% และตั้งเป้าหมายจำนวนลูกค้าใหม่ 3.3 ล้านรายในสิ้นปี ด้านยอดเงินฝากและกองทุนรวม ตั้งเป้าเติบโต 6-8% เป้าหมายยอดสินเชื่อทั้งหมดอยู่ที่ 6-9% ซึ่งยังคงนโยบายการเติบโตอย่างระมัดระวังให้สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม