นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในปี 58 คือการที่ระบบสถาบันการเงินจะเริ่มลดการคุ้มครองเงินฝาก เหลือ 25 ล้านบาท จาก 50 ล้านบาททำให้เกิดการโยกเงิน และมีผลต่อสภาพคล่อง แต่ยังมีข่าวดีอยู่ที่ว่าสถาบันการเงินต่างๆ จะปล่อยเงินกู้เข้าสู่ระบบมากขึ้น ทำให้คาดว่าสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโต 5-6% และทั้งปีมองว่าจะเติบโตราว 7-10%
"ทุกครั้งเมื่อเกิดข่าวดี ก็จะมาพร้อมข่าวร้ายเสมอ ซึ่งในส่วนสภาพคล่องไทยในระยะต่อไปจะมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายมาคู่กัน ดังนั้นผู้ประกอบการควรจะโฟกัสที่การสร้างความสามารถทางการแข่งขันเชิงธุรกิจให้มากขึ้น เพื่อรองรับปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" นายบุญทักษ์ กล่าว
นายบุญทักษ์ กล่าวอีกว่า ทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนในปี 58 จะมีความผันผวนมากขึ้น เนื่องจากความกังวลจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี
"ปัจจุบันบาทแข็งค่าขึ้นนั้นเป็นเพียงแค่ช่วงสั้น เพราะมีเหตุการณ์ความไม่สงบในหลายประเทศทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกนอกประเทศบ้าง"นายบุญทักษ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายบุญทักษ์ มองว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ 4.2% ส่วนทั้งปีโต 2% ขณะที่ปี 58 จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่โดดเด่นขึ้น โดยคาดว่าจะโตได้เกิน 4%
ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าไทย คาดว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้จะโตได้ 2% ขณะที่ภาคส่งออกในครึ่งหลังของปีนี้คาดโต 3-4% โดยประเมินว่าในไตรมาส 3/57 จะโต 3% ส่วนในไตรมาส 4/57 โตได้ 4-5%
อย่างไรก็ตาม มองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจการเกษตรของไทยยังปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ จึงอยากให้ส่วนราชการเข้ามาดูแลในส่วนนี้
นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ คาดว่า การเบิกจ่ายงบประมาณปี 57 จะไม่ต่ำกว่า 92% แม้ว่าที่ผานมาจะมีความล่าช้าไปกว่า 6 เดือน แต่ได้เร่งประสานให้ทุกหน่วยเร่งเบิกจ่ายตามความสามารถแล้ว ส่วนงบลงทุนผูกพันงบประมาณปี 57-58 มีวงเงินประมาณ 1 แสนล้านบาทก็จะเร่งพิจารณาให้เดินหน้าในโครงการที่มีความพร้อมโดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าระบบมากขึ้นประมาณ 50