"ในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยน่าจะมีการฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้เข้ามาบริหารประเทศ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค การออม การจับจ่ายใช้สอย การลงทุนภาครัฐและเอกชน รวมถึงการท่องเที่ยวก็จะเริ่มเห็นสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป" นายธนวรรธน์ กล่าว
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ของปี 57 คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 3.5% และไตรมาสสุดท้ายของปี 57คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 5.6% ส่งผลให้ GDP ของปี 57 อยู่ที่ระดับ 2.2% หลังจากครึ่งแรกของปีขยายตัวติดลบ 0.4% เนื่องจากการส่งออกชะลอตัว เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ รายได้จากการท่องเที่ยวลดลง 6.6% และจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 9.9%
"ผลกระทบจากสถานการณ์ที่พลิกผันทำให้เม็ดเงินหายไปจากระบบเศรษฐกิจราว 2-2.5 แสนล้านบาท แต่เมื่อ คสช.เข้ามาเร่งรัดการจ่ายเงินรับจำนำข้าว การลงทุน ทำให้เม็ดเงินที่หายไปลดลงเหลือ 5-7 หมื่นล้านบาท...หลังจากนี้ คสช.ควรเร่งรัดเบิกจ่ายจะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ของปีกลับมาฟื้นตัว" นายธนวรรธน์ กล่าว
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ผู้ที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจในรัฐบาลชุดใหม่น่าจะทำงานได้รวดเร็ว เพราะเป็นมืออาชีพ ที่ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่น และทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้รวดเร็ว ส่วนข้อกังวลกรณีที่มีกระแสข่าวว่าทหารจะเข้ามาร่วมคณะรัฐมนตรีเป็นจำนวนมากนั้น ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาคงได้เห็นแล้วว่าไม่น่าเป็นกังวล เพราะมีการตัดสินใจที่รวดเร็ว และรับข้อมูลรอบด้านจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการปรับปรุงกฎหมายสำคัญให้สอดคล้องกับนานาชาติ เช่น เรื่องแรงงานต่างด้าง ซึ่งต่างชาติเองก็มีความเข้าใจถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียน
ขณะที่นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 57 จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจาก คสช.ได้เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค การออม การจับจ่ายใช้สอย การลงทุนภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงภาคการท่องเที่ยวเริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มขยายตัวในกรอบ 4-5% แต่ยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพสูงขึ้น
สำหรับภาพรวมภาคการลงทุนในปี 57 คาดว่าจะยังติดลบ 0.4% การบริโภคเอกชนขยายตัว 1.2% การส่งออกขยายตัว 1.8% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 2.5% และภาคการท่องเที่ยวขยายตัวลดลง 5.9% และรายได้จากการท่องเที่ยวขยายตัวลดลง 2.8% อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 32.00-33.00 บาท/ดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 104-109 ดอลลาร์/บาร์เรล
"จากปัจจัยข้างต้นมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจึงได้ปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลดลงเหลือ 2.2% หรืออยู่ในกรอบ 2-2.5% จากเดิมที่คาดไว้ 2.5%" นางเสาวณีย์ กล่าว
ส่วนภาพรวมภาคการลงทุนในปี 58 คาดว่าจะขยายตัว 13.3% การบริโภคเอกชนขยายตัว 4.5% การส่งออกขยายตัว 6.2% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3.0% และภาคการท่องเที่ยวขยายตัว 10.0% และรายได้จากการท่องเที่ยวขยายตัว 6.7%