พร้อมทั้ง ผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะเร่งรัดโครงการที่มีการศึกษาแล้วว่าคุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งควรจะจัดทำโครงการที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนแทนการใช้งบประมาณภาครัฐ เพื่อย่นระยะเวลาดำเนินงานให้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อภาครัฐขอความช่วยเหลือไปยังภาคเอกชนก็อยากจะให้ช่วยกันสนับสนุนในโครงการดังกล่าวด้วย เพราะเป็นโครงการที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ภาคเอกชน และมองว่าภาคอสังหาริมทรัพย์น่าจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุด
"เศรษฐกิจครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้นจากการมีรัฐบาลใหม่เข้ามา คิดว่ารัฐบาลคงจะมีการเตรียมมาตรการต่างๆไว้แล้วไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือชาวนา และลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม การลงทุนโครงการไม่ควรใช้เงินจากงบประมาณภาครัฐอย่างเดียว ควรทบทวนโครงการที่มีกำไรและไม่มีกำไร ซึ่งสามารถหันไปพึ่งเงินภาคเอกชนได้ และเอกชนก็ต้องพร้อมที่จะช่วยเหลือ เพื่อลดระยะเวลาการก่อสร้าง หวังว่ารัฐบาลใหม่จะหยิบขึ้นมาดู"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น จากการบริหารงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่ได้เร่งจ่ายเงินรับจำนำข้าวส่งผลให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในระบบมากขึ้น และเร่งจัดทำงบประมาณปี 58 เพื่อให้เกิดการจ้างงานและการลงทุน ซึ่งจะช่วยผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เติบโตมากขึ้น โดยคาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตได้ในระดับ 2-3%
นอกจากนั้น ยังมีการลดขั้นตอนการขออนุมัติเรื่องสิ่งแวดล้อมของผู้ประกอบการโรงงาน (รง.4) และเร่งอนุมัติโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุน (BOI)ที่ค้างอยู่กว่า 400 โครงการ มูลค่า 7 แสนล้านบาท เพื่อผลักดันการลงทุนของภาคเอกชน โดยขณะนี้มีการอนุมัติโครงการลงทุนแล้ว 1.7 แสนล้านบาท คาดว่าจะสามารถอนุมัติโครงการได้ครบทั้งหมดภายในปีนี้
ขณะที่ปัญหาที่ไทยถูกสหรัฐปรับลดอันดับการค้ามนุษย์ลงสู่ระดับ Tier 3 นั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เชื่อว่า คสช.จะจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ภายในระยะเวลา 9 เดือนนี้ซึ่งจะส่งผลให้ไทยสามารถกลับมาค้าขายกับต่างชาติได้เหมือนเดิมอีกครั้ง ส่วนการอนุมัติแผนโครงการรถไฟฟ้า 10 เส้นทางก็จะเกิดการคมนาคมขนส่งรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 1 ปีครึ่งที่เหลือนี้
ส่วนกระแสข่าวที่มีชื่อ ม.ร.ว.ปริดิยาธร ติดโผร่วมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นั้น เจ้าตัวกล่าวว่า ส่วนตัวแล้วไม่ได้ติดใจกับกระแสข่าวดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมามีกระแสข่าวแบบนี้อย่างต่อเนื่อง เมื่อถามว่ามีโอกาสที่จะเข้าไปนั่งในตำแหน่ง รมว.คลังหรือไม่ ม.ร.ว.ปรีดิยากร ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม