"การลงทุนในกลุ่มอาเซียนปีละกว่าแสนล้านดอลลาร์ มีสัดส่วนการลงทุนกันเองของประเทศในกลุ่มอาเซียนแค่ 23% เท่านั้น เราไม่ได้ไปแข่งกันเอง แต่ร่วมมือกันไปแข่งกันนอกกลุ่มอาเซียน ไม่ใช่ไปแย่งใช้ทรัพยากร" นายคนิต กล่าว
พร้อมระบุว่า ไทยได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค สามารถส่งสินค้าออกไปได้ทั้งทางบกและทางทะเล แต่สิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อม ได้แก่ การยกระดับการผลิตเพื่อลดต้นทุน, การรับข้อมูลข่าวสาร, การศึกษาองค์ความรู้ใหม่ๆ, การรวมตัวจัดตั้งสถาบันเกษตรกร เช่น ชุมนุมสหกรณ์ เป็นต้น
รองเลขาธิการ สศก.กล่าวว่า ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคเกษตรกรต้องรวมมือกันทำงานเป็นทีม เหมือนในอดีตที่มีการจัดตั้งทีมไทยแลนด์เจาะการลงทุนแยกรายสินค้า เพราะพืชและปศุสัตว์แต่ละตัวมีความแตกต่างกัน
นอกจากนี้ ประเทศไทยควรเร่งดำเนินการเรื่องการกำหนดพื้นที่เพาะปลูก(โซนนิ่ง) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างกำลังการผลิตกับความต้องการใช้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรได้ครบวงจร
"ทุกวันนี้ เรามีความต้องการใช้วัตถุดิบหลายชนิด ทั้งข้าวโพด มันสำปะหลัง ถั่ว ถ้ากำหนดพื้นที่ชัดเจนจะสามารถบริหารจัดการได้" นายคนิต กล่าว