ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจฯ ประเมินปัจจัยด้านเสถียรภาพการเงินจะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะความเสี่ยงจากเงินทุนเคลื่อนย้ายที่มีสาเหตุจากการสิ้นสุดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ของสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคมนี้ และแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed funds rate ในปี 2015 การเปลี่ยนแปลงของทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ดังกล่าวอาจทำให้เงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดเงินและตลาดทุนของไทย รวมถึงตลาดประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อค่าเงินบาทและเสถียรภาพการเงินของไทยในระยะข้างหน้า
ในวันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% หลังประเมินว่าเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2 จากอุปสงค์ในประเทศและการลงทุนภาครัฐที่จะช่วยสนับสนุนมากขึ้นในครึ่งปีหลัง และนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในปัจจุบันยังจำเป็นต้องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยไม่กระทบต่อการรักษาเสถียรภาพการเงินของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านเงินทุนเคลื่อนย้ายที่จะเพิ่มสูงขึ้นในระยะข้างหน้า และการที่ธนาคารกลางในภูมิภาคเริ่มมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะทำให้ กนง.ให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านเสถียรภาพการเงินเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจึงมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นในปีหน้า เมื่อเศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนต่อเนื่อง