สำหรับแนวโน้มค่าเอฟทีงวดใหม่(ก.ย.-ธ.ค.57) นั้นยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากต้องรอดูแนวโน้มราคาเชื้อเพลิงทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติก่อน นอกจากนี้จะต้องดูปริมาณน้ำในเขื่อนด้วย เพราะปัจจุบันปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิต์ พบว่าปริมาณน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 30% ที่จะมาช่วยผลิตไฟฟ้าให้ค่าไฟถูกลง ดังนั้นต้องติดตามปริมาณฝนด้วย
และวันนี้ กฟผ.ได้ลงนามความร่วมมือกับสำนักงาน กปร. พัฒนาความร่วมมือและขยายผลการลดการใช้พลังงานในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตอบสนองยุทธศาสตร์การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าของประเทศ โดย กฟผ.นำร่องเปลี่ยนหลอด LED ในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริภายในปี 57 กว่า 1,700 หลอด คาดจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้ากว่าปีละ 70,000 หน่วย หรือ 245,000 บาทต่อปี
ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา กฟผ.ได้ดำเนินโครงการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า เพื่อรณรงค์ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกภาคส่วนเกิดจิตสำนึกในคุณค่าของพลังงาน ซึ่งจากการดำเนินงานจนถึงปัจจุบันสามารถลดปริมาณกำลังไฟฟ้าในระบบลงกว่า 3,400 เมกะวัตต์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 12 ล้านตัน
ดังนั้น เพื่อให้เกิดตัวอย่างการลดใช้พลังงานอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง กฟผ. จึงประสานงานไปยังสำนักงาน กปร. ซึ่งเป็นองค์กรพันธมิตรที่ กฟผ.ได้มอบหลอดตะเกียบเบอร์ 5 และหลอดผอมเบอร์ 5 ตั้งแต่ปี 51 และ 52 ที่ผ่านมา ในการพัฒนาความร่วมมือและขยายผลการดำเนินงานลดการใช้ไฟฟ้า ด้วยการให้คำปรึกษา สำรวจ และตรวจวัดการใช้พลังงานไฟฟ้าในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และเสนอมาตรการในการปรับปรุงอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์การใช้ไฟฟ้าของประเทศร่วมกัน
เบื้องต้นในปี 57 กฟผ.ได้ดำเนินการเปลี่ยนและติดตั้งหลอดไฟฟ้าแสงสว่างชนิด LED สาธิตเป็นตัวอย่างการใช้งานในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี จำนวน 1,708 หลอด ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึงปีละ 70,000 หน่วย คิดเป็นค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้ปีละ 245,000 บาท และช่วยบรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อน ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละ 36 ตัน