พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวสรุปก่อนปิดการประชุมว่า จะนำคำแนะนำ ข้อสังเกต และความห่วงใยต่างๆของสมาชิก สนช.จากการอภิปรายในวันนี้ไปปรับปรุงแก้ไขการทำงาน โดยการแก้ไขปัญหาในแต่ละด้านต้องวางระบบ เพื่อให้เกิดการปฏิรูปกฎหมายและนำไปสู่การเลือกตั้ง มีรัฐบาลที่ซื่อสัตย์โปร่งใส พร้อมฝากให้ สนช.ช่วยพิจารณาและหาแนวทางเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้าน
หลังจากนี้ตนเองจะเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงาน โครงสร่างภาษี หรือเรื่องราคาพืชผลสินค้าเกษตร เป็นต้น โดยการปฏิรูปภาษีก็ได้เตรียมการไว้แล้วหลังจากทางกระทรวงการคลังเสนอมา แต่ยังไม่ได้อนุมัติ ส่วนการจะพิจารณาแก้ไขร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ก็ปล่อยให้เป็นขั้นตอนของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่จะพิจารณา
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า ลำพังคงไม่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ยิ่งในเวลาที่จำกัด 1-2 ปี ดังนั้น สนช.และทุกคนทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือ สร้างกระบวนการป้องกันการทุจริต ข้าราชการต้องซื่อสัตย์สุจริตเป็นข้าราชการที่ดีของแผ่นดิน ช่วยกันให้เกิดความสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
"ภายใน 1 ปีจะทำได้มั้ย ปัญหาเกิดมา 20-30 ปี อยากให้หยุดของเดิมไว้ตรงนี้ และขอเวลา 1 ปีปฏิรูป เพื่อวางรากฐาน"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เสนอตั้งตัวแทนจากฝ่าย คสช.เป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 จำนวน 10 คน และ พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ สมาชิก สนช. เสนอรายชื่อคณะกรรมาธิการฯ จำนวน 40 คน รวมจำนวนคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ทั้งสิ้น 50 คน
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดให้มีการแปรญัตติภายใน 7 วัน โดยขอให้คณะกรรมาธิการฯ จัดทำรายงานให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 11 ก.ย. และนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม สนช.เพื่อพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ในวันที่ 17-18 ก.ย.57
อย่างไรก็ตาม ก่อนปิดการประชุมวันนี้ สนช.ยังได้นัดประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 21 ส.ค.เวลา 10.00 น.โดยไม่ได้ระบุวาระการพิจารณา แต่เป็นช่วงที่ประธาน สนช.คาดว่าจะมีการพิจารณาคัดเลือกนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการสามัญกิจการ สนช.ชั่วคราว(วิป สนช.) ได้เลือกนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นประธานวิป สนช. โดยมีรองประธาน 4 คน และให้นายสมชาย แสวงการ เป็นเลขานุการวิป สนช. ส่วนกรรมาธิการสามัญยกร่างข้อบังคับการประชุม สนช. ได้เลือกนายพีระศักดิ์ พอจิต เป็นประธาน และมีรองประธานอีก 2 คน โดยมี พล.อ.สกล สัจจานิตย์ เป็นเลขานุการ