ช่วงเย็นเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากเปิดตลาดในตอนเช้า โดยเป็นการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องหลังจากสภาพัฒน์ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2/57 ที่กลับมาขยายตัวได้ 0.4% ซึ่งถือว่าออกมาดีกว่าที่คาดเล็กน้อย ทั้งนี้ระหว่างวันเงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 31.80 บาท/ดอลลาร์
"วันนี้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ระหว่างวันทำ low สุดที่ 31.80 และทำ high สุดที่ 31.85 ที่บาทแข็งวันนี้เพราะผลจากที่สภาพัฒน์ประกาศ GDP ไตรมาส 2 ออกมาดีกว่าที่คาดเล็กน้อย" นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลง โดยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.80-31.95 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าไปค่อนข้างมากแล้ว จึงอาจได้เห็นการรีบาวน์จากแรงขายทำกำไรในช่วงสั้นๆ
- ปัจจัยสำคัญ
- ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 102.45 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 102.30 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.3394 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3395 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,542.36 ลดลง 4.26 จุด (-0.28%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 40,285 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 971.82 ลบ.(SET+MAI)
- ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 ด้วยคะแนน 183 ต่อ 0 จากจำนวนผู้เข้าร่วมประชุม 186 คน และงดออกเสียง 3 คน โดยเป็นการพิจารณางบประมาณปี 2558 วาระแรกที่ใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมงเศษ
ทั้งนี้ที่ประชุมได้กำหนดให้มีการแปรญัตติภายใน 7 วัน โดยขอให้คณะกรรมาธิการฯ จัดทำรายงานให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 11 ก.ย. และนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม สนช.เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 58 วาระที่ 2 และ 3 ในวันที่ 17-18 ก.ย.57
- สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 2/5 กลับมาขยายตัวเป็นบวกเล็กน้อยที่ 0.4% ฟื้นตัวจากไตรมาสแรกที่ GDP ติดลบ 0.5% โดยเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ได้เริ่มฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์ทางการเมืองนิ่ง นอกจากนี้การใช้จ่ายภาคครัวเรือนมีการขยายตัว การใช้จ่ายภาครัฐฟื้นตัวขึ้น และการส่งออกของไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้นตามเศรษฐกิจโลก ขณะที่ได้ปรับประมาณการณ์ GDP ในปี 57 ใหม่อยู่ที่ 1.5-2.0% จากเดิม 1.5-2.5% ส่วนปี 58 คาดโตได้ 3.5-4.5%
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า คสช.จะพยายามขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 2% จากที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)คาดการณ์ไว้ในกรอบ 1.5-2.5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวลที่ 1.9-2.9%
ส่วนในปี 58 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับ 3.5-4.5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียงปี 57 และแนวโน้มดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลอย่างต่อเนื่อง
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ระบุว่า ภาพรวมในไตรมาส 2 ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในไตรมาสแรก แต่ SCB EIC ประเมินว่าเศรษฐกิจยังมีความเปราะบางในหลายด้าน โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ รวมไปถึงราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำต่อเนื่องและภาวะหนี้ครัวเรือนในระดับสูงที่ยังคงกดดันการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ดังนั้น เศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจึงน่าจะฟื้นตัวได้แบบค่อยเป็นค่อยไป
- นายเฉิน ตันหยาง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน คาดการณ์ว่ายอดการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ(ODI) ของจีน จะขยายตัวในระดับที่ค่อนข้างเร็ว และจะแซงหน้ายอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI) ในระยะยาว โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ยอด ODI ของจีนได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4% เทียบรายปี หลังจากที่ได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเทียบรายปีมาตั้งแต่เดือนก.พ. ขณะที่ยอด FDI ได้ปรับตัวลดลง 0.35% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
สำหรับปี 2557 นายเฉิน คาดว่ายอด ODI ของจีนอาจพุ่งขึ้น 10% เทียบรายปี โดยเสริมว่ายอด ODI ที่ปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีแรกเทียบรายปีนั้น เป็นผลจากข้อมูลเปรียบเทียบที่สูงในช่วงเดียวกันของปี 2556 ซึ่งมีโครงการ ODI เป็นจำนวนมาก
- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงร่วงลง 85 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 12,065 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ โดยราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,305.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 9.19 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง