"ครม.คสช.เห็นว่า ภาษีนี้มีผลกระทบกับคนจำนวนมาก มีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาในหลักการ ดังนั้นจึงสมควรต้องพิจารณาให้รอบคอบทุกด้าน" อธิบดีกรมสรรพากร กล่าว
พร้อมระบุว่า สำหรับอัตราการจัดเก็บจะเป็นเท่าใดนั้นจะต้องไปถกกันในรายละเอียดระหว่างคณะกรรมการกฤษฎีกา คสช. และ สนช. ดังนั้นอัตราการจัดเก็บตามที่ออกมาเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ยังไม่นิ่ง เป็นเพียงความชัดเจนในแง่ของหลักการจัดเก็บที่ว่าเน้นเรื่องการกระจายรายได้ ให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม และต้องไม่กระทบกับผู้ที่มีรายได้น้อย รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อยด้วย
อนึ่ง มีรายงานข่าวระบุว่า หลักการจัดเก็บภาษีตามร่าง พ.ร.บ.ภาษีมรดกฯ คือ จะจัดเก็บจากผู้รับ โดยอัตราการจัดเก็บจะอยู่ระหว่าง 5% ของมูลค่าสินทรัพย์ แต่ไม่เกิน 30% ทั้งนี้อัตราภาษีที่ยืดหยุ่นนี้จะจัดเก็บตามความเหมาะสม โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา และคสช.จะเป็นผู้พิจารณา
ส่วนประเภทของสินทรัพย์ที่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีมรดก จะเป็นทรัพย์สินที่มีการลงทะเบียนไว้เป็นหลักฐาน เช่น บ้าน ที่ดิน รถยนต์ พันธบัตร และ หุ้น เป็นต้น โดยทรัพย์สินนั้นจะนับทั้งที่อยู่หรือไม่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนทรัพย์สินที่ไม่มีการขึ้นทะเบียน เช่น พระเครื่อง นาฬิกา ของสะสมต่างๆ หากไม่มีการลงทะเบียนไว้ ในชั้นนี้ยังไม่มีการจัดเก็บภาษี
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ความเป็นไปได้ของการบังคับใช้ พ.ร.บ.ภาษีมรดกฯ นั้นขึ้นกับว่าผู้ที่พิจารณาในชั้นต่อไปจะมีแนวคิดอย่างไร และหากในท้ายสุดได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่ายแล้ว กรมสรรพากรก็จะเดินหน้าในการจัดเก็บภาษีดังกล่าว แต่จะไม่มีการเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง