"ตลาดรถยนต์เดือนก.ค.มีปริมาณการขาย 69,523 คัน ลดลง 29.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 37.5% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 21.5% สืบเนื่องมาจากผลกระทบในช่วงต้นปีจากเหตุการณ์ทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในประเทศที่ส่งผลทางด้านจิตวิทยาต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีผลถึงตลาดรถยนต์" นายวุฒิกร กล่าว
ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์สะสม 7 เดือน มีปริมาณการขาย 510,434 คัน ลดลง 39.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 46.6% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 32.4% เป็นผลจากการปรับเข้าสู่สมดุลของตลาดรถยนต์หลังสิ้นสุดโครงการรถยนต์คันแรก ประกอบกับการชะลอตัวของภาคการบริโภค และการลงทุน ในช่วงต้นปี
นายวุฒิกร กล่าว่า ตลาดรถยนต์ในเดือนส.ค.มีแนวโน้มทรงตัวจากเสถียรภาพทางการเมืองที่มีแนวโน้มดีขึ้นควบคู่ไปกับสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว สร้างความมั่นใจกับลูกค้าให้ดีขึ้นตามลำดับ ประกอบกับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จากค่ายรถยนต์ต่างๆ ตลอดจนการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล แกรนด์ มอเตอร์ เซลส์ ในช่วงกลางเดือนส.คงล้วนเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญในการกระตุ้นการเติบโตของตลาดรถยนต์
แต่อย่างไรก็ดี สภาพเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศที่ชะลอตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี คงต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวทั้งจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ และความเชื่อมั่นจากภาคเอกชน