ส่วนกรณีที่ธปท.จะมีการทบทวน GDP ในปี 57 ใหม่จากปัจจุบันที่คาดไว้ที่ 1.5% หรือไม่นั้น โฆษกธปท. กล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ เพราะคงต้องรอดูผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ครั้งถัดไปในเดือนก.ย.ก่อนว่ามีความเป็นห่วงในเรื่องใดบ้าง รวมทั้งรอดูตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ในช่วงจากนี้ไปด้วย
ทั้งนี้ ธปท.เองได้พยายามออกไปพบปะกับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อชี้แจงให้เข้าใจว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยยังมีความเข้มแข็ง
สิ่งที่ยากจากนี้ไปคือการที่คนจะคาดหวังใน 1 ปีจากนี้ไปหลังจากเริ่มมีรัฐบาลใหม่ว่าจะมีการดำเนินนโยบายได้ตามโรดแมพที่วางไว้หรือไม่ และให้ความสำคัญกับการจัดลำดับโครงการที่จะต้องทำก่อนหลังอย่างไร
“เราได้ออกไปพบนักลงทุนให้เข้าใจว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เราอยากให้ดูเนื้อหาในการพัฒนามากกว่ารูปแบบ พยายามจะบอกว่าแม้เศรษฐกิจครึ่งปีแรกจะไม่ดี แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังไปจนถึงกลางปีหน้า น่าจะโตได้ตามศักยภาพ...ภาพรวมคิดว่ายังไปได้ดี เพราะ trend ไปในทิศทางที่ดีและสนับสนุนให้เกิดความมั่นใจต่อเศรษฐกิจ" นายจิรเทพ กล่าว
ส่วนแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินนั้น โฆษก ธปท. กล่าวว่า ขณะนี้การผ่อนคลายนโยบายการเงินอยู่ในระดับที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ และยังไม่เห็นปัญหาในเรื่องของเสถียรภาพ ซึ่งหากมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากไปอาจจะกระทบต่อการก่อหนี้ รวมถึงการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน และกระทบต่อการออมด้วย
“กนง.จะไปหาความสมดุลย์จากปัจจัยเหล่านี้ ทั้งในเรื่องของการเติบโต และเรื่องเสถียรภาพ ตอนนี้เรามองว่านโยบายการเงินยังสนับสนุนเศรษฐกิจได้อยู่ และมองว่าการผ่อนคลายของนโยบายยังเพียงพอ และยังไม่เห็นปัญหาในเรื่องเสถียรภาพ" โฆษก ธปท.ระบุ
โฆษฏ ธปท. กล่าวต่อว่า ขณะนี้คงยังไม่สามารถฟันธงได้ชัดเจนว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วกว่ากำหนดเดิมที่คาดไว้ในช่วงไตรมาส 2-3 ของปี 58 หรือไม่ แม้ขณะนี้ตลาดจะมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวดีขึ้น และคาดการณ์ไปว่าเฟดน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วกว่ากำหนด เนื่องจากยังมีประเด็นที่จะต้องจับตาในเรื่องของตลาดแรงงาน รวมทั้งต้องถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนนี้ด้วย
“ตอนนี้ตลาดรอฟัง speech ของประธานเฟด เพราะยังมีประเด็นเกี่ยวกับตลาดแรงงาน...คงยังไม่สามารถฟันธงได้ในถ้อยแถลงรอบนี้ว่าเฟดคิดอย่างไร ต้องดูแรงกดดันเรื่องค่าจ้าง, การจ้างงานที่จะเป็น full time หรือ part time และที่ว่างงานอยู่แล้วจะกลับมาสู่ตลาดแรงงานหรือไม่" โฆษกธปท.ระบุ
ดังนั้น เรื่องอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้จึงมองว่าตลาดยังมีโอกาสที่จะเป็นไปได้ทั้ง 2 ทิศทาง ซึ่งขึ้นกับในแต่ละช่วงเวลาว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะออกมาดีหรือแย่กว่าที่คาด เพราะฉะนั้นจึงต้องระมัดระวังความเสี่ยงด้วย ขณะที่ในระยะต่อไปต้องติดตามดูเรื่องตลาดที่อยู่อาศัยว่าตัวเลขที่ออกมาจะมีผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นเร็วกว่าที่เฟดกำหนดไว้หรือไม่
อย่างไรก็ดี มองว่าหากทิศทางดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้นก็เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจมากนัก เพราะต้นทุนดอกเบี้ยในภาคธุรกิจมีสัดส่วนไม่มาก