ทั้งนี้ หากตกลงเงื่อนไขสัญญาได้จะเซ็นสัญญาซื้อขายวันที่ 27 ส.ค.นี้ เมื่อผู้ซื้อจ่ายเงินแล้วต้องขนย้ายยางพาราให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน เพื่อไม่ให้เกิดภาระค่าบริหารจัดการที่อ.ส.ย.ต้องรับผิดชอบอยู่ หากขนย้ายไม่หมดใน 3 เดือนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการผู้ซื้อต้องรับผิดชอบ
ผอ.องค์การสวนยาง กล่าวต่อว่า การขายยางช่วงนี้ถือว่าเหมาะสม ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะราคายางอ่อนไหวขึ้นลงตามปัจจัยภายนอก ขณะนี้สต็อกยางในไทยมีอยู่ประมาณ 208,000 ตัน ถือว่ามีน้อยที่สุดในรอบ 10 ปี นอกจากนี้สต็อกยางในจีนก็มีน้อย ส่วนใหญ่สต๊อกยางของจีนเป็นสต็อกลม มีการซื้อขายในตลาดล่วงหน้า
ส่วนกรณีที่เครือข่ายเกษตรกรได้ยื่นศาลปกครองขอให้ภาครัฐยกเลิกการขายยางในสต็อกเพราะเกรงว่าจะเป็นการซ้ำเติมให้ราคาตกต่ำลงไปอีกนั้น ผอ.อ.ส.ย. กล่าวยืนยันว่า เรื่องนี้ศาลปกครองเพียงแต่รับฟ้องไว้แต่ยังไม่ได้ไต่สวนหรือมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวแต่อย่างใด ดังนั้น การขายยางจึงสามารถทำได้