"คสช.กำชับมาว่าให้เร่งดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร็วที่สุด และให้มีความโปร่งใสมากที่สุดด้วย โดยในส่วนนี้จะได้มีการพิจารณาถึงวิธีการประเมินราคาสินค้าคงเหลือในสต็อกที่ต้องสอดคล้องความเป็นจริงมากที่สุด จึงเห็นว่าควรใช้ราคาที่คาดว่าจะขายได้จริงเป็นตัวประเมินแทนการใช้ราคาตลาดที่เคยใช้อยู่ ซึ่งอาจเป็นผลทำให้ความเสียหายในโครงการนี้สูงกว่าที่เคยมีตัวเลขออกมาก่อนหน้านี้" นายรังสรรค์ กล่าว
นายรังสรรค์ กล่าวอีกว่า การปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวในครั้งนี้ จะดำเนินการสำหรับ 15 โครงการ ตั้งแต่ปี 2547-2557 โดยในส่วนนี้เป็นโครงการที่ดำเนินการโดยรัฐบาลชุดที่ผ่านมาทั้งสิ้น 7 โครงการ สำหรับกระบวนการปิดบัญชีรับจำนำข้าวหลังจากนี้จะทยอยทำเป็นช่วงเวลา โดยช่วงแรกตั้งแต่ 31 พ.ค.56 ที่ได้มีการปิดบัญชีล่าสุด จนถึง ก.ย.56 และ ต.ค.56-22 พ.ค.57 และตั้งแต่ 23 พ.ค.57- 30 ก.ย.57 โดยการทยอยปิดบัญชีเป็นช่วงเวลานั้น เพื่อต้องการให้เห็นความชัดเจนของการดำเนินโครงการนี้ ตั้งแต่ก่อนที่ คสช.เข้ามาจนถึง คสช.เข้ามาบริหารประเทศในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี การปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวในครั้งนี้ ได้มีการเชิญสมาคมผู้สอบบัญชีภาษีอากร และสำนักงานสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเข้ามาร่วมตรวจสอบข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นมาตรฐานและโปร่งใสมากที่สุดด้วย