สำหรับสาเหตุที่ทำให้ปริมาณการส่งออกข้าวในเดือนก.ค.สูงขึ้น เป็นเพราะการส่งออกข้าวขาวได้ปริมาณ 448,000 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 10% โดยตลาดหลักอยู่ที่ไอเวอรี่โคสต์ ปริมาณ 58,000 ตัน, มาเลเซีย 42,000 ตัน และจีน 36,000 ตัน ส่วนข้าวหอมมะลิส่งออกปริมาณรวม 133,000 ตัน ลดลง 9.4% ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกไปสหรัฐฯ 30,700 ตัน ขณะที่ข้าวนึ่งส่งออกปริมาณ 345,000 ตัน โดยส่งออกไปไนจีเรีย 90,400 ตัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เพราะรัฐบาลไนจีเรียประกาศลดภาษีนำเข้าข้าว
ทั้งนี้ สมาคมฯ คาดว่าในเดือนส.ค.ไทยจะส่งออกข้าวได้ถึง 900,000 ตัน เนื่องจากราคาข้าวของไทยยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับคู่แข่งทำให้สามารถแข่งขันได้ ประกอบกับทางการมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการระบายข้าวในสต๊อก รวมถึงการเร่งเจรจาขายข้าวให้ต่างประเทศทั้งจีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย และคาดว่าทั้งปีนี้การส่งออกข้าวไทยจะอยู่ที่ 10 ล้านตัน และสามารถทวงแชมป์ส่งออกข้าวในปริมาณสูงสุดได้
ขณะที่สถานการณ์ราคาข้าวเปลือกภายในประเทศที่ปรับตัวลดลงมานั้น คาดว่าเป็นผลจากการเก็บเกี่ยวข้าวของชาวนา เนื่องจากเข้าสู่ช่วงหน้าฝนทำให้ข้าวมีความชื้นสูง ชาวนาต้องเร่งนำข้าวไปขายให้โรงสี เบื้องต้นควรกำหนดระยะเวลาเก็บเกี่ยวให้เหลื่อมกัน เพื่อไม่ให้ปริมาณข้าวเข้าสู่ตลาดจำนวนมากจนกลายเป็นแรงกดดันให้ราคาลดต่ำลง โดยเชื่อว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์คนใหม่ จะสามารถดูแลสถานการณ์ราคาข้าวได้ เพราะเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และเท่าที่ได้ร่วมงานพบว่ามีความเข้าใจเรื่องสินค้าข้าวเป็นอย่างดี