ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า หากประเทศทำตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 9 และฉบับที่ 10 ไทยจะสามารถพัฒนาไปได้ไกล ส่วนนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันหากมีการนำเสนอใหม่นั้น เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาต่องบประมาณที่จัดทำไว้แล้ว เพราะยังมีเงินในส่วนของงบกลางที่นำไปใช้ได้
อย่างไรก็ดี เนื่องจากงบกลางได้แยกเป็น 2 บัญชี คือ งบเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน และเพื่อนโยบาย ส่วนการทำข้อสังเกตของ กมธ.นั้นจะเน้นเรื่องการใช้งบให้คุ้มค่าและสอดคล้องกันนโยบายของหัวหน้า คสช. และโครงการที่เป็นของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนั้น ได้พิจารณาสานต่อหากเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์กับประชาชน แต่หากเป็นนโยบายที่เน้นประชานิยม เช่น โครงการรับจำนำข้าว ไม่ได้ดำเนินงานต่อ
ส่วนเนื้อหาเกี่ยวกับการตรวจสอบและประเมินผลการใช้งบนั้น ที่ประชุมไม่ได้พูดถึง เพราะเรื่องนี้มีหน่วยงานราชการอื่นๆ เช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ทำหน้าที่กำกับและตรวจสอบอยู่แล้ว และการประเมินผลนั้นเบื้องต้นทราบว่าทางหัวหน้า คสช.ได้มอบนโยบายในที่ประชุม คสช.ล่าสุดว่าให้ประเมินผลทุกๆ 3 เดือน ยืนยันว่าการทำงานของ กมธ.ได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว
สำหรับปฏฺทินการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ วาระสองและวาระสาม นั้น พล.ท.ชาตอุดม ระบุว่า จะนำเข้าที่ประชุม สนช.ในวันที่ 17 ก.ย.นี้ โดยใช้ระยะเวลาพิจารณา 1 วัน แต่หากมีผู้อภิปรายจำนวนมากและไม่สามารถทำให้แล้วเสร็จภายในวันเดียว ก็สามารถขยายวันพิจารณาออกไปได้ ขณะที่การเสนอคำแปรญัตติโดย สนช.นั้น เบื้องต้นทราบว่ามีจำนวน 15 คน และจะเชิญบุคคลที่เสนอคำแปรญัตติมาชี้แจงคำขอแปรญัตติต่อ กมธ.ในวันที่ 4 ก.ย.นี้