ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs ประมาณ 2.739 ราย หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 98.5 ของวิสาหกิจทั้งหมด ทั้งนี้ SMEs ไทยสร้างรายได้ให้ประเทศได้กว่า 1.76 ล้านล้านบาทต่อปี ขณะที่ญี่ปุ่น มีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs สัดส่วนร้อยละ 99.7 ของจำนวนผู้ประกอบการทั้งประเทศและสามารถสร้างรายได้ ให้ประเทศได้สูงถึง 48.4 พันล้านเยน หรือคิดเป็น 14.98 ล้านล้านบาท ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมมือกันระหว่างSMEs ไทยกับญี่ปุ่นครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนและเสริมสร้างให้SMEs ไทยเข้มแข็งและแข็งแกร่งมากขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศได้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 5-10 ในปี 2558
"การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการขยายความร่วมมือที่มีอยู่ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ตลอดจนการให้ความรู้และเสนอแนะประสบการณ์ด้านการพัฒนามหาวิทยาลัยและศูนย์บริการ SMEs (SMEs University) และการขยายศูนย์ ให้บริการทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการ SMEs หรือ (Business Development Service Center) ในประเทศไทย" นายวิฑูรย์ กล่าว
สำหรับความร่วมมือดังกล่าว มีเนื้อหาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายและแผนงานการส่งเสริมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม, การให้ความช่วยเหลือแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของทั้งสองประเทศโดยจัดให้มีการติดต่อเชื่อมโยงและประสานการเจรจาธุรกิจ
ความร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมโดยเน้นการสนับสนุนข้อมูลระหว่างกันและกัน, การสนับสนุนซึ่งกันและกันในด้านการศึกษาดูงาน การอบรมแลกเปลี่ยนความรู้ความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวกับแผนงาน การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของทั้งสองประเทศ, ความร่วมมือเพื่อการสนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยนระหว่างวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยและญี่ปุ่น รวมถึง ความร่วมมืออื่น ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยความเห็นชอบร่วมกัน
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และ International Center ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยประสานการดำเนินงานของทั้ง 2 ประเทศตามบันทึกช่วยจำฉบับนี้
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา SMRJ ได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ การให้พื้นที่แสดงสินค้าในงาน SME Fair การจัดงาน CEO Forum การจัดงาน Business Matching ซึ่งสามารถสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเป็นอย่างมาก