ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้มีการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ไว้แล้ว ซึ่งจะหยิบยกแนวทางเดิมมาปัดฝุ่นเพื่อเสนอ ครม.พิจารณาต่อไป
"ระเบียบเก่าไม่ได้มีปัญหาในแนวทางปฎิบัติ แต่มีปัญหาที่คนบริหารระเบียบ ทำให้เกิดช่องโหว่ ไม่โปร่งใสเกิดขึ้น"นายรังสรรค์ กล่าว
นายรังสรรค์ กล่าวอีกว่า การแก้ไขระเบียบจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวควรเร่งดำเนินการ เพราะรัฐบาลมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาว ซึ่งมีเงินลงทุนสูงถึง 2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 7% ของจีดีพี จึงต้องดำเนินโครงการให้มีความโปร่งใส ดังนั้น จึงมีแผนให้มีกระบวนการแสดงความเห็นต่อร่าง TOR ได้หากพบว่ามีแนวโน้มเอียงกับนักลงทุนรายใดรายหนึ่ง
"ที่ผ่านมา นักลงทุนยอมรับว่าเพื่อการได้งาน นอกจากจ่ายให้กับนักการเมือง 30% ของมูลค่าการลงทุนแล้ว ยังต้องจ่ายให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการเพื่อตรวจรับงานอีกทอดหนึ่ง"นายรังสรรค์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายรังสรรค์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าประเทศไทยยังติดอันดับสูงในกลุ่มประเทศที่มีปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นในการจัดอันดับขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ โดยไทยอยู่ในอันดับ 102 จากทั้งหมด 177 ประเทศ โดยเฉพาะในกล่มอาเซียนนั้นประเทศไทยติดอันดับ 5 มี 35 คะแนน จึงหวังว่าหลังจากสังคมไทยร่วมกันขับเคลื่อนการป้องกันการทุจริตที่มีการผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติแล้ว อันดับอาจจะดีขึ้นในรอบต่อไป หากสร้างความเชื่อมั่นได้มากขึ้นก็น่าจะดึงนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการคลัง ยังเตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเกี่ยวกับการปรับขึ้นเงินเดือนของข้าราชการ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นอัตราที่จะปรับขึ้นคงไม่ถึง 10% อย่างที่มีกระแสข่าว แต่รายละเอียดคงต้องรอให้รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ให้เรียบร้อยก่อน