ส่วนหอมหัวใหญ่ เป็นการนำเข้าชนิดผงและหั่นแห้งเนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีความสามารถในการผลิตหอมหัวใหญ่ที่มีคุณสมบัติเฉพาะได้ จึงต้องนำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศ แต่เพื่อไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตของประเทศไทย จึงมีการปรับปริมาณในโควตาตามข้อผูกพัน WTO จาก 365 ตัน เป็น 764 ตัน และคงอัตราภาษีในโควตา 27% และภาษีนอกโควตา 142% ตามเดิม โดยมอบหมายให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นผู้บริหารการนำเข้าโดยจัดสรรให้นิติบุคคลเป็นผู้นำเข้า
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการนำเข้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ โดยให้คงปริมาณในโควตา 3.18 ตัน ตามเดิม ภาษีในโควตา 0% และภาษีนอกโควตา 218% มอบหมายให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นผู้นำเข้าแต่เพียงผู้เดียว
นายชลิต กล่าวต่อไปว่า มติเห็นชอบในที่ประชุมดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์การผลิตและการตลาดในช่วงปี 2555-2557 มีเนื้อที่การปลูกและผลผลิตของกระเทียม หอมหัวใหญ่ที่ลดลง ประกอบกับมีฝนตกหนักในช่วงต้นฤดูกาลเพาะปลูกและนโยบายจำกัดการนำเข้าของเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ โดยให้เกษตรกรปลูกเท่าที่ผูกพันไว้กับ WTO และมีการคาดการณ์ความต้องการการใช้ในปี 2558-2560 จึงมีการเสนอให้เปิดตลาดดังกล่าว
"การดำเนินการเปิดตลาดสินค้าทั้ง 3 ชนิดนี้ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้และแจ้งให้ฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการฯนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณานำเสนอครม.ต่อไป" นายชลิต กล่าว