นางจินตนา ชัยยวรรณาการ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกระแสข่าวรถบรรทุกเตรียมขึ้นค่าขนส่ง 5% ว่า กรมฯได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและประสานกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยแล้ว พบว่ากรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ได้ออกประกาศกำหนดพิกัดน้ำหนักบรรทุกให้ยานพาหนะชนิดรถลากจูงและรถพ่วงต้องมีน้ำหนักยานพาหนะรวมน้ำหนักบรรทุก ไม่เกิน 50.5 ตันกำหนดบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.49 และได้ผ่อนผันให้รถบรรทุกได้ถึง 58.0 ตัน แต่ปัจจุบันได้บังคับใช้ประกาศดังกล่าวโดยไม่มีการผ่อนผัน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.57 ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการรถบรรทุกกำหนดอัตราค่าบริการขนส่ง 2 อัตรา คือ ค่าขนส่งสินค้าเกษตร ประมาณ 1.10 บาท/ตัน/กม. และค่าขนส่งสินค้าอุตสาหกรรม ประมาณ 1 บาท/ตัน/กม.
"กรมฯ ได้ขอความร่วมมือสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราค่าบริการขนส่งคงเดิม เพราะปัจจุบันราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท ซึ่งเป็นอัตราที่ใช้คำนวณต้นทุนค่าขนส่งปัจจุบัน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไม่ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จึงไม่มีผลกระทบทำให้ต้นทุนขนส่งเพิ่มขึ้น ซึ่งสหพันธ์ฯ ยินดีให้ความร่วมมือคงอัตราค่าบริการขนส่งดังกล่าว" นางจินตนา กล่าว
อนึ่ง กระแสข่าวที่ว่ารถบรรทุกเตรียมขึ้นค่าขนส่งนั้น เพราะผู้ประกอบการเกรงว่าการไม่ผ่อนผันประกาศดังกล่าวของกระทรวงคมนาคม จะส่งผลให้ต้นทุนค่าขนส่งต่อหน่วยเพิ่มสูงขึ้น และคาดว่าในเดือนพ.ย.นี้ หากผลผลิตหรือสินค้าทางการเกษตรออกสู่ตลาดจำนวนมาก และมีความต้องการใช้บริการขนส่งมากขึ้น ผู้ประกอบการขนส่งอาจปรับค่าบริการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น 5%
อย่างไรก็ดี กรมฯจะติดตามและตรวจสอบอัตราค่าขนส่งสินค้าอย่างใกล้ชิด หากต้นทุนการขนส่งเพิ่มสูงขึ้น จะเชิญผู้ประกอบการมาหารือเพื่อพิจาณาแนวทางการช่วยลดต้นทุนต่อไป เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อค่าขนส่งและราคาสินค้า