นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การเปิดซองประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ครั้งที่ 2 ปริมาณ 139,000 ตัน แบ่งเป็นข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2, ข้าวเหนียวขาว 10%, ข้าวท่อนหอมมะลิ, ปลายข้าวหอมมะลิ, ปลายข้าวปทุมธานี, ปลายข้าวเหนียวเอวันเลิศ และปลายข้าวขาวเอวันเลิศ ที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 254/55, นาปรังปี 55, ปี 55/56 รอบ 1 และรอบ 2 และนาปี 56/57 ในสต๊อกขององค์การคลังสินค้า(อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) จำนวน 31 คลัง 21 จังหวัดนั้น ปรากฎว่า มีผู้ยื่นซองเสนอราคารวม 38 ราย เมื่อเปิดซองราคาแล้วมีผู้เสนอซื้อผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ(ฟลอไพรซ์) คิดปริมาณข้าวทั้งสิ้น 90,000 ตัน เป็นข้าวหอมมะลิประมาณ 80% และข้าวอื่นๆ อีก 20% ส่วนข้าวที่เหลืออีก 40,000 ตัน ไม่ผ่านเกณฑ์ราคาขั้นต่ำ และอยู่ระหว่างให้เอกชนยื่นเสนอราคาใหม่อีกครั้ง
"กรมฯคาดว่าจะสรุปผลการประมูลอย่างเป็นทางการรายงานต่อ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ให้พิจารณาในสัปดาห์หน้า ก่อนเสนอให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.) อนุมัติต่อไป" นางดวงพร กล่าว
ด้านนายมานัส กิจประเสริฐ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า สถานการณ์ราคาข้าวในตลาดช่วงก่อนที่จะเปิดประมูลลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะข้าวเปลือกเจ้าที่ราคาลดลงจาก 8,700-8,800 บาท/ตัน เหลือ 7,800 บาท/ตัน หรือลดลง 1,000 บาท/ตัน แต่หลังจากที่กรมการค้าต่างประเทศประกาศเงื่อนไขว่าไม่มีการนำข้าวขาวเข้าร่วมประมูล ราคาข้าวเปลือกเจ้าก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8,100-8,200 บาท/ตัน สำหรับแนวโน้มราคาข้าวเปลือกในประเทศช่วงปลายปีขึ้นอยู่กับราคาส่งออกเป็นหลัก มั่นใจว่าปีนี้ไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้ 10 ล้านตันตามเป้าหมายแน่นอน ส่วนการประมูลครั้งต่อไปนั้นสามารถเปิดประมูลได้ทุกเดือน แต่ต้องเลือกชนิดข้าวที่จะนำออกประมูลให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้ราคาข้าวเปลือกในตลาดตกต่ำ
ขณะที่นายสมเกียรติ มรรคยาธร เลขาธิการสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงตรามาบุญครอง กล่าวว่า การประมูลครั้งนี้ บริษัทเสนอซื้อข้าวหอมมะลิในราคา 29,500 บาท/ตัน ปริมาณ 1,600 ตัน ซึ่งเป็นระดับราคาที่สูง เมื่อนำไปรวมกับค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและค่าขนส่ง ถือว่าใกล้เคียงกับราคาตลาดที่ 31,000-32,000 บาท เพราะเป็นช่วงที่ปริมาณข้าวในตลาดตึงตัว เอกชนจึงแข่งขันเสนอราคาสูง