อย่างไรก็ตาม จากมุมมองเศรษฐกิจที่คาดว่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น จึงเชื่อว่าการใช้นโยบายการเงินในปีนี้อาจมีความจำเป็นน้อยลงกว่าปีก่อน เนื่องจากขณะนี้มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ประกอบกับ มีงบประมาณเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทำให้มีนโยบายด้านการคลังเข้ามาทำหน้าที่แทน ซึ่งนโยบายการคลังมีผลทางตรงมากกว่านโยบายการเงิน ขณะที่ปัจจุบันนโยบายการเงินถือว่ามีความผ่อนคลายและเพียงพอในการเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแล้ว
ผู้ว่าฯ ปท. กล่าวว่า ในช่วงปลายสัปดาห์นี้จะมีการนัดหารือร่วมกับนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ถึงกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินในปี 58 รวมถึงการหารือในเรื่องอื่นๆ ในด้านเศรษฐกิจด้วย
สำหรับนโยบายการปรับโครงสร้างราคาพลังงานนั้น ธปท.ก็ได้ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าภาพรวมราคาพลังงานในตลาดโลกไม่มีแรงกดดันไปในทางที่สูงมาก ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วง Low Growth
"เชื่อว่ายังเอาอยู่ เรามองว่าไม่เป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนกรอบและทิศทางในการดำเนินนโยบายการเงินอย่างมีนัยสำคัญ" ผู้ว่าธปท. ระบุ
ส่วนผลจากการปรับโครงสร้างภาษีนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่ากระทรวงการคลังจะปรับอัตราภาษีในตัวใดบ้าง ซึ่งท้ายสุดจะต้องรอความชัดเจนทั้งแพ็คเกจก่อน รวมถึงทิศทางในการปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้
นายประสาร กล่าวถึงมาตรการที่ญี่ปุ่นปรับขึ้นภาษี VAT ว่า มีผลต่อการบริโภคอุปโภค ดังนั้นเรื่องของจังหวะเวลาเป็นเรื่องสำคัญ ขณะเดียวกันต้องพิจารณาความสัมพันธ์กับมาตรการอื่นๆ ว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร
ด้านการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะหมดวาระในเดือนก.ย.นี้ คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีการเสนอชื่อผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 8 คน และจากนั้นจะคัดเหลือเพียง 4 คน