ดังนั้น รัฐบาลจะเน้นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และระหว่างนั้นก็จะดูปัญหาที่กลางเหตุ ทั้งเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ พ่อค้าคนกลาง การขนส่ง รวมถึงราคาสินค้า ส่วนปลายเหตุหากพบความเดือดร้อนตรงไหนก็จะมีมาตรการเร่งด่วนและเฉพาะหน้าเข้าช่วยเหลือ ซึ่งในระยะยาวจะเกิดการแก้ปัญหาขึ้นทั้งระบบ โดยจะไม่ใช้นโยบายประชานิยม แต่จะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นคงยั่งยืน และจะต้องมีส่วนร่วม
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี เรียกร้องไม่ให้นำปัญหาเดิมมาเกี่ยวข้องกับเรื่องใหม่ เพราะวันนี้รัฐบาลทำแบบใหม่ด้วยการแก้ปัญหาทั้งองค์กร ทั้งระบบ และเชื่อมโยงทุกมิติ ซึ่งมีความยุ่งยาก สับสน ไม่เข้าใจ ดังนั้น คงต้องมีทั้งฝ่ายได้และเสีย แต่ที่ผ่านมาคนที่เสียคือคนที่มีรายได้น้อย เพราะค่าครองชีพสูงขึ้นตามภาวะการณ์โลก ดังนั้น ขอให้ทุกคนช่วยชาติ โดยเฉพาะพ่อค้าคนกลาง พ่อค้าขายส่ง ต้องลดราคาและลดกำไรลงบ้าง แต่ยอมรับว่าคงบังคับใครไม่ได้ เพียงขอให้เข้าใจนโยบายของรัฐบาลขณะนี้
"รัฐบาลจะต้องสร้างความรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ พร้อมทั้งให้ทุกกระทรวงเร่งทำความเข้าใจ โดยเฉพาะกระทรวงแรงงาน เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ปัญหาของบ้านเมือง เพราะบางคนทำมาหากินอย่างเดียว โดยไม่ฟังข่าวสาร จึงไม่รู้ว่าจะพัฒนาตัวเองอย่างไร จนบางครั้งมองว่าทำไมรัฐบาลไม่แก้ไขปัญหา การให้กระทรวงแรงงานเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มแรงงานมีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลประชาชน แต่ย้ำว่าไม่ได้มีลักษณะเป็นการบังคับ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในระยะแรกต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่าน ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วย" นายกฯ กล่าว