ในขณะที่ประเทศไทยมีฐานผลิตภัณฑ์มวลรวม(GDP)ที่เติบโตขึ้นมามากแล้ว นอกจากนั้น ความจำเป็นในการขยายตัวในอัตราที่สูงลิ่วก็ไม่มี เพราะไม่มีแรงงานหรือทรัพยากรบุคคลที่อยู่ในภาวะว่างงานอย่างรุนแรงเหมือนกับประเทศเหล่านั้น รวมทั้งหากจะเร่งการขยายตัวจนเกินไปก็ยังไม่มีความพร้อมในบางด้านที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศักยภาพของระบบคมนาคมขนส่งที่ต้องเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพ
"การขยายตัวพอประมาณในระดับร้อยละ 3 ถึง ร้อยละ 4 ใน1-2 ปีข้างหน้าก็ถือว่าน่าพอใจ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจก็คล้ายๆ กับการขับเคลื่อนพาหนะที่มีขนาดใหญ่ด้วยกงล้อสำคัญ 4 ล้อ คือ การใช้จ่ายภาครัฐ, การลงทุนภาคเอกชน, การอุปโภคบริโภคในประเทศ และการส่งออกสินค้าและบริการสุทธิ (ซึ่งรวมการท่องเที่ยวเอาไว้ด้วย)"นายกิตติรัตน์ ระบุ
ทั้งนี้ กงล้อแรก คือการใช้จ่ายภาครัฐในภาพรวมมาถูกทางด้วยระดับการขาดดุลงบประมาณที่ระดับ 2.5 แสนล้านบาทสำหรับปีงบประมาณ 58 ขณะที่กงล้อที่สองเป็นเรื่องความร่วมมือของภาคเอกชนในประเทศกับการทำงานที่สอดประสานกันของภาครัฐที่นำโดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ร่วมคณะกรรมการคนสำคัญจากองค์กรธุรกิจภาคเอกชน ทั้งประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ประธานหอการค้าฯ ประธานสมาคมธนาคารไทย น่าจะสามารถขับเคลื่อนในส่วนนี้ไปได้ ซึ่งต้องทำด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยที่ไม่ควรเป็นรองใครทั้งนั้นในอาเซียน
กงล้อที่สาม คือการอุปโภคบริโภคในประเทศ ถ้าเกาถูกที่คันคือ เมื่อผู้คนในสังคมเมืองมีงานทำ มีรายได้ที่ดีเป็นปกติ ซึ่งก็ควรเป็นปกติได้แล้วหลังจากความวุ่นวายทางการเมืองตามท้องถนนได้ยุติลง และมีความมั่นใจในการถูกจ้างงานก็จะอุปโภคบริโภคที่เป็นผลดีต่อคุณภาพชีวิต และต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ขณะที่ผู้คนในภาคเกษตร หากมีรายได้ดี ม่ว่าจะจากราคาสินค้าเกษตรที่ดีหรือจะได้รับสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมก็จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างดีและมีความสุข
กงล้อสุดท้ายคือ การส่งออกสินค้าและบริการสุทธิ ซึ่งรวมการท่องเที่ยวอยู่ด้วย ตรงนี้ต้องคุยกับภาคเอกชนอย่างจริงจัง รับฟัง และเปิดใจให้กว้าง อะไรที่ควรทำก็ต้องทำ อย่าปล่อยให้ต่างคนต่างคิด และคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัว
"ในยามนี้ความช่วยเหลือแก่ผู้ผลิต ผู้ส่งออก และภาคการท่องเที่ยว ย่อมเป็นเรื่องอื่นๆ ส่วนเป็นเรื่องอะไรบ้างนั้น ผมมั่นใจว่าผู้กุมนโยบาย และคนสำคัญภาคเอกชนรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่จะเข้าใจกันอย่างดี หรือจะเกรงใจกันจนเกินกว่าเหตุ เราก็คงจะได้เห็นกันชัดขึ้นในเร็วๆ นี้"นายกิตติรัตน์ ระบุ พร้อมทั้งยกตัวอย่างด้านการท่องเที่ยว หากยกเลิกกฏอัยการศึก อย่างน้อยที่สุดในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ นักท่องเที่ยวต่างประเทศจะมามากขึ้น
"ขอเอาใจช่วยครับ ทำให้เต็มที่ ขอให้พวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ อย่ามาวุ่นวาย แต่ถ้าคิดไม่ออก ทำไม่เป็น และผลลัพธ์ไม่มี แบบรำไม่ดี โทษปีโทษกลอง ก็ตัวใครตัวมันนะครับ"นายกิตติรัตน์ ระบุ