ขณะที่นักลงทุนยังสนใจการลงทุนในตลาดหุ้นของไทย แม้จะมองว่า Fund Flow คงยังไม่ไหลกลับมาในเร็วๆ นี้
นางเกศรา กล่าวว่า ตลท.จัดงาน "Thai Forum"ร่วมกับธนาคารแห่งอเมริกา เมอร์ริล ลินช์ และ บล.ภัทร โดยผู้ลงทุนสถาบันที่มาร่วมงานมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมกว่า 4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีการลงทุนในตราสารทุนทั่วโลก โดยได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ และการให้ความสำคัญกับการบริหารประเทศด้วยความโปร่งใสและยึดหลักธรรมาภิบาล ประกอบกับทางผู้ว่าการ ธปท.ได้ให้ข้อมูลมาตรการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพภาคการเงิน เพื่อเสริมความเชื่อมั่นของการเข้ามาลงทุน
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจในประเด็นการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายของภาครัฐ ซึ่งรมว.คลังได้ให้ความมั่นใจว่าจะมีการวางระบบงานและปฎิรูประบบกฏหมายเพื่อให้ดำเนินงานตามแนวทางดังกล่าวเป็นไปได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาวที่จะต้องมีการส่งผ่านงานให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอนาคต
"คำถามส่วนใหญ่ของนักลงทุนต่าชาติจะเป็นคำถามที่เราได้ยินอยู่แล้วบ้าง ซึ่งเรียกว่าผู้ลงทุนทุกคนรู้จักประเทศไทยดีอยู่แล้ว โดยท่านรัฐมนตรีก็เล่าถึงที่มาที่ไปว่าทำไมถึงมีรัฐบาลทหาร และพูดถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น นโยบายการลดความเหลื่อมล้ำในเรื่องของภาษี การเพิ่มประสิทธิภาพการส่งเสริมการลงทุนของ BOI ขณะที่การคาดการเศรษฐกิจปี 58 ไว้ 4.8% ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าทางธนาคารโลกที่เพิ่งประกาศลด เนื่องด้วยเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในแนวโน้มที่ดีอยู่ พื้นฐานดี NPL อยู่ในระดับที่เหมาะสมและควบคุมได้"นางเกศรา กล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติแสดงความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย หลังจากได้รับทราบข้อมูลต่าง ๆ และเชื่อว่าประเทศไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีในด้านผลตอบแทนการลงทุนในอันดับ 2 ของโลก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสหรัฐฯส่วนใหญ่จะลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งสิ่งที่นักลงทุนต้องการมากที่สุด คืออยากให้รัฐบาลไทยออกพันธบัตรมากที่สุด โดยทางผู้ว่า ธปท.ก็ได้ชี้แจงว่าประเทศไทยมีเงินตราต่างชาติในจำนวนสูงมากแล้ว
สำหรับมุมมองต่อตลาดหุ้นไทย นักลงทุนเหล่านี้มีการถือหุ้นอยู่ในกลุ่มธนาคารเป็นหลัก ซึ่งเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นในปี 58 และหุ้นไทยยังมีพื้นฐานที่ดีอยู่ ขณะที่มองว่า Fund flow ต่างชาติจะยังไม่ไหลกลับมาในระยะเวลาอันใกล้นี้ เนื่องจากยังรอดูการเติบโตของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และความชัดเจนของการเติบโตทางเศรษฐกิจก่อน
"Fund flow ที่จะไหลกลับมาอาจจะต้องรอสักระยะหนึ่ง ซึ่งต้องรอการตัดสินใจ แต่ด้วย valuation ของเราถือว่าขึ้นมาพอสมควร เขาก็รอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนให้มันดีขึ้นมากๆก่อน"นางเกศรา กล่าว