โดยมาตรการทั้งหมดจะเน้นเรื่องการบริหารจัดการภายในประเทศ เพราะปัจจุบันไทยมีการใช้ยางในประเทศเพียง 14% และส่งออกมากถึง 86% ซึ่งแนวทางที่ดีที่สุดคือการบริหารความต้องการภายในประเทศ ดังนั้นจึงทำให้รัฐบาลมีแนวคิดจะทำแผนธุรกิจ(Business Plan) ในการบริหารจัดการยางพาราทั้งประเทศ โดยได้สอบถามความคิดเห็นจากผู้ประกอบการแล้วก่อนที่จะเริ่มทำแผนดังกล่าวนี้ออกมา และแผนธุรกิจนี้จะเห็นความชัดเจนได้ในอีก 2-3 เดือน
"เราไม่เคยบริหาร demand ในประเทศที่มีใช้ในประเทศเพียง 14% มาตรการนี้จะเน้นการบริหารในประเทศ เพราะที่ผ่านมาเราไม่มีแผนบริหารรับมือ จึงจะมี Business Plan ออกมา โดยจะเป็นการกำหนดว่าจะผลิตและขายในประเทศเท่าใด ลักษณะคล้ายจะมีดุลบัญชียาง ซึ่งจะทราบสต็อกทั้งปีเป็นอย่างไร ผลผลิตใช้ในประเทศเท่าไร เหลือปลายปีเท่าไร" แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับความร่วมมือเรื่องยางพาราระหว่าง 3 ประเทศ คือ ไทย, มาเลเซีย และอินโดนีเซียนั้น ปัจจุบันได้มีการพูดคุยกันระหว่างผู้ประกอบการของทั้ง 3 ประเทศอยู่ที่มาเลเซีย และมีความเป็นไปได้ที่จะดึงประเทศเวียดนามและกัมพูชาเข้ามาร่วมด้วย โดยคาดว่ารมว.เกษตรของแต่ละประเทศจะได้มีโอกาสนัดประชุมกันภายในสิ้นปีนี้ เพื่อกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันในเรื่องยางพาราต่อไป
"เชื่อว่ามาตรการที่จะออกมาจะมีส่วนช่วยผลักดันราคายางให้เพิ่มสูงขึ้นได้ ซึ่งหากดูจากสถิติเปรียบเทียบราคายางในแต่ช่วงรัฐบาลแล้ว ยังเชื่อมั่นว่าความต้องการยางพาราในตลาดยังมีมาก เพียงแต่ต้องเน้นในเรื่องผลักดันผลผลิตให้มากขึ้น" แหล่งข่าว กล่าว