กูรูด้านพลังงาน มองแนวโน้มราคาน้ำมันอยู่ในขาลง แนะรัฐเร่งปรับโครงสร้าง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 16, 2014 15:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันขาลง โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันลงกว่า 10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และมีแนวโน้มลงอีก ซึ่งส่วนตัวมองว่ารัฐควรเร่งปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน ก๊าซแอลพีจี และเอ็นจีวี ในช่วงนี้ เพราะเดือนธันวาคมราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างราคาพลังงานเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงควรเร่งดำเนินการในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ เนื่องจากเป็นช่วงราคาน้ำมันขาลง โดยเฉพาะการปรับราคาน้ำมันดีเซลที่สามารถเพิ่มอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้อีก และหากไม่ต้องการให้กระทบต่อราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการ

โดยส่วนตัวมองว่าควรมีการปรับเปลี่ยนกลไกระหว่างกองทุนน้ำมันฯ กับภาษีสรรพสามิต คือ เพิ่มภาษีสรรพสามิตเป็น 3 บาท/ลิตร จากปัจจุบัน 0.75 บาท/ลิตร และลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ลงเหลือ 0.75 บาท/ลิตร จากนั้นหากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงก็สามารถเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ อีก 0.50 บาท/ลิตร เป็น 1.25 บาท/ลิตร ทำให้มีเสถียรภาพทั้งกองทุนและภาษี รวมทั้งไม่กระทบต่อราคาขายปลีกด้วย

สำหรับแนวทางการปรับขึ้นราคาแอลพีจีที่มีข่าวว่ากระทรวงพลังงานจะปรับขึ้นเป็น 27 บาท/กก. เป็นราคาที่สะท้อนต้นุทนแต่อาจยังไม่บวกราคานำเข้าไปด้วย เพราะหากบวกราคานำเข้าแอลพีจีจะทำให้ต้นุทนขึ้นไปอยู่ที่ 29 บาท/กก.

ขณะที่นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ราคาพลังงานจำเป้นต้องสะท้อนต้นทุนทั้งหมด โดยในส่วนของก๊าซแอลพีจี ต้นทุนควรอยู่ที่ 550 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน หรือคิดเป็นประมาณ 24.82 บาท/กก. จากปัจจุบันราคาแอลพีจีขนส่งอยู่ที่ 22 บาท/กก. และครัวเรือนอยู่ที่ 22.63 บาท/กก.

โดยปัจจุบันประเทศไทยมีความต้องการใช้แอลพีจี 7.5 ล้านตัน/ปี ซึ่งต้องนำเข้า 25% ของความต้องการใช้ทั้งหมด เมื่อราคาขายในประเทศยังต่ำกว่าต้นทุน ก็ทำให้ความต้องการใช้เติบโตจนส่งผลให้ปริมาณนำเข้าสูงขึ้นด้วย จนส่งผลกระทบต่อกองทุนน้ำมันฯ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ