นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตามแผนจะใช้หัวรถจักเก่าที่มีและหัวรถจักรใหม่ 50 คันที่อยู่ระหว่างการจัดซื้อซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งมอบใน 15 เดือน เป็นหัวลากรถโดยสารใหม่ 115 คันนี้ ซึ่งจะไม่มีปัญหาในการให้บริการ
"ขบวนรถใหม่จะมีบริการที่ดีขึ้น มีกล้อง CCTV ซึ่งจะใช้ระบบการจองตั๋วผ่านอินเตอร์เน็ต ตั้งเป้าแข่งขันกับเครื่องบิน เน้นผู้โดยสารระดับกลางและบน ดังนั้นจะต้องปรับอัตราค่าโดยสารใหม่ให้สอดคล้องกับบริการและเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ โดยตามแผนจะปรับอัตราค่าโดยสารขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 15% ภายใน 3 ปี ในอนาคตจะมีการเสนอแผนจัดหารถโดยสารเพิ่มอีก 250 คัน เพื่อใช้บริการสำหรับเส้นทางระยะกลาง" นายวิโรจน์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าโครงการจัดซื้อหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าพร้อมอะไหล่ทดแทน GE จำนวน 50 คัน วงเงิน 6,562 ล้านบาท ซึ่งทางคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ(คตร.) กำลังตรวจสอบอยู่นั้น ขณะนี้ ร.ฟ.ท.เร่งปรับปรุงตามความเห็นของคตร.และคาดว่าจะสรุปเสนอ คตร.ได้ภายใน1-2 เดือนนี้ ส่วนการจัดซื้อหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าขนาด 20 ตันเพลา จำนวน 20 คัน พร้อมอะไหล่มูลค่า 3,300 ล้านบาท ซึ่งบริษัท ป่าไม้สันติ จำกัด เป็นผู้ชนะประมูลนั้น จะมีการส่งมอบจากโรงงานผู้ผลิตจากประเทศจีน 2 หัว แรกในเดือนธันวาคม 2557 และส่งมอบครบในเดือนมิถุนายน 2558
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การจัดหารถโดยสารครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนปฎิรูปรถไฟปี 2553 ที่มีวงเงินลงทุนรวม 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา ร.ฟ.ท.ไม่ได้จัดซื้อรถโดยสารมานานเกือบ 20 ปี โดยครั้งสุดท้ายจัดหาเมื่อปี 2538 ทั้งนี้ทางกิจการร่วมค้าบีบีซีจะส่งมอบรถจำนวน 2 ชุดแรก(ชุดละ 13 คัน) ได้ในเดือนสิงหาคม 2558 และส่งมอบครบทั้งหมด 115คัน ในเดือนสิงหาคม 2559
สำหรับรถโดยสารบริการเชิงพาณิชย์ทั้ง 115 คัน แบ่งเป็น รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 1 จำนวน 9 คัน รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2 จำนวน 88 คัน รถโบกี้ขายอาหารปรับอากาศ จำนวน 9 คัน และรถกำลังไฟฟ้า จำนวน 9 คัน โดยจะนำมาให้บริการเป็นรถด่วนพิเศษ 4 เส้นทาง คือ กรุงเทพ-เชียงใหม่, กรุงเทพ-อุบลราชธานี, กรุงเทพ-หนองคาย และกรุงเทพ-ชุมทางหาดใหญ่ ไปกลับวันละ 2 ขบวนต่อเส้นทาง รวมทั้งสิ้น 8 ขบวน และจะสอดคล้องกับแผนปรับปรุงเส้นทางต่างๆ ที่จะทำให้สามารถใช้ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ถึงปลายทางเร็วขึ้นเฉลี่ย 3 ชม.ต่อเส้นทาง และคาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณปีละ 1.073 ล้านคน ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 1,250 ล้านบาท