อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในปี 2556 มีผู้ประกอบการรายย่อยที่ยังขาดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องภาษีอากร ซึ่งเข้ามาประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าและบริการ ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากถึง 90,000 ราย คิดเป็นร้อยละ 58.03 จากผู้ประกอบการทั้งหมด 155,100 ราย รวมมูลค่าการซื้อขาย ทั้งสิ้น 744,419 ล้านบาท ซึ่งการจัดสัมมนาครั้งนี้ มุ่งหวังการให้คำแนะนำและเสริมสร้างความเข้าใจในการปฏิบัติทางภาษีอย่างถูกต้องแก่ผู้ประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) เพื่อให้ผู้ประกอบการดังกล่าว สามารถดำเนินธุรกิจในโลกออนไลน์ได้อย่างถูกต้องสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดข้อผิดพลาด หรือจะต้องเสียภาษีย้อนหลังในภายหน้า
ทั้งนี้ กรมสรรพากรได้รวบรวมองค์ความรู้ภาษีสำหรับผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์(E-Commerce) ที่เว็บไซด์กรมสรรพากร www.rd.go.th และยังเพิ่มช่องทางให้บริการตอบปัญหาภาษีอากรในเรื่องดังกล่าวอีกหนึ่งช่องทาง ที่ศูนย์บริการข้อมูลสรรพากร RD Call Center โทร.1161 กด 1 และ 5
นายประสงค์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีจำนวนผู้ประกอบการในธุรกิจดังกล่าวจำนมาก โดยแนวโน้มการเติบโตในปี 2555 ยอดขายอยู่ที่ 5 แสนล้านบาท และปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็น 7.44 แสนล้านบาท ขยายตัว 10-20% จากผู้ประกอบการทั้งสิ้น 1.55 แสนราย โดยในส่วนนี้ยังมีผู้ประกอบการอีก 9 หมื่นราย ซึ่งคิดเป็น 58.03% ที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการเสียภาษีที่ถูกต้อง
"ก่อนหน้านี้ได้มีการตรวจสอบประวัติการเสียภาษีของผู้ประกอบการทั้ง 9 หมื่นราย ซึ่งยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ แต่เบื้องต้นพบว่ามีประมาณ 600 รายที่ยังเสียภาษีไม่ถูกต้อง ซึ่งคิดเป็นวงเงินราว 99 ล้านบาท จึงเห็นถึงความสำคัญของการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับผู้ประกอบการเกี่ยวกับการเสียภาษี เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจในอนาคต" นายประสงค์ กล่าว
พร้อมระบุว่า ในเบื้องต้นคาดว่าเมื่อมีการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการแล้ว จะมีผู้ประกอบการธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ เข้าสู่ระบบภาษีเพิ่มขึ้นอีก 20-30%
โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการธุรกิจอี-คอมเมิร์ซที่ทำการค้ากับภาครัฐ มีจำนวน 100 ราย คิดเป็นมูลค่า 3 แสนล้านบาท หรือ 45% และผู้ประกอบการธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ที่ทำการค้ากับภาคธุรกิจด้วยกันจำนวน 1 หมื่นราย คิดเป็นมูลค่า 2 แสนล้านบาท หรือ 38% รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจอี-คอมเมิร์ซที่ทำการค้ากับลูกค้าทั่วไป จำนวน 1.45 แสนราย คิดเป็น 16% ซึ่งในกลุ่มนี้มีความน่าเป็นห่วงที่สุด เพราะมีแนวโน้มการเสียภาษีไม่ถูกต้องอีกจำนวนมาก
อธิบดีกรมสรรพากร ยังกล่าวถึงแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ในช่วง 15 วันแรก (1-15 ต.ค.58) ปีงบประมาณ 2558 ว่า สามารถจัดเก็บภาษีได้สูงกว่าเป้าหมาย 1.4 พันล้านบาท โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ยังสามารถจัดเก็บอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก เนื่องจากที่ผ่านมาภาครัฐมีความชัดเจนและเร่งผลักดันโครงการลงทุนต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างความมั่นใจให้ภาคเอกชนและช่วยสนับสนุนการบริโภค รวมถึงมาตรการในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผ่านการจ่ายเงินให้เกษตรกรที่มีพื้นที่ปลูกข้าวไร่ละ 1,000 บาท ครอบครัวละไม่เกิน 15,000 บาทนั้นยังช่วยให้เกิดการบริโภคที่ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมในปีงบประมาณ 2558 ด้วย