"สาระสำคัญคือ การนำกฎหมายว่าด้วยแร่ และกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราค่าภาคหลวงแร่มาบัญญัติไว้ในฉบับเดียวกันและปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ในปัจจุบัน" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุ
ทั้งนี้ จะมีการกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาต และการควบคุม กำกับดูแลการทำเหมือง และกิจกรรมที่เกี่ยวกับการทำเหมืองที่เหมาะสมกับขนาดของเหมือง ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการแร่ และการแก้ไขผู้มีอำนาจออกประทานบัตรเหมืองแร่ในแต่ละประเภท โดยกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัด อธิบดี และปลัดกระทรวงแล้วแต่กรณี เป็นผู้ได้รับอนุญาตแทนรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี
พร้อมกับกำหนดให้จัดตั้งกองทุนฟื้นฟูสภาพพื้นที่ทำเหมือง เพื่อเยียวยาสิ่งแวดล้อมและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง กำหนดหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลแร่ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร หรือการส่งออกแร่ไปนอกราชอาณาจักร กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บค่าภาคหลวงแร่ ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษแก่รัฐ โดยคำนึงถึงหลักการที่ต้องทดแทนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกำหนดกลไกของกฎหมายให้รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขคุณสมบัติของบุคคลในกลุ่มประเทศประชาคมอาเซียนที่จะเข้ามาประกอบกิจการลงทุนหรือรับจ้างทำงานเกี่ยวกับแร่ในไทย