3.การเบิกจ่ายเงินกู้ต่อให้แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 839.01 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 1,597.56 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 363.24 ล้านบาท รวมถึงการเบิกจ่ายเงินกู้ต่อให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการรถไฟสายสีแดง จำนวน 57.40 ล้านบาท และ 4. การเบิกจ่ายเงินกู้ 2,620 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินบาททดแทนเงินกู้จากธนาคารโลกเพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) โดยแบ่งเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 580 ล้านบาท จากสัญญาเงินกู้วงเงิน 3,000 ล้านบาท ที่ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2557 และการเบิกจ่ายเงินกู้ 2,040 ล้านบาท จากสัญญาเงินกู้วงเงิน 3,000 ล้านบาท ที่ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2557
ส่วนการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลในเดือนกันยายน 2557 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศที่ครบกำหนด ดังนี้ 1.พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ศ.2548 ที่ครบกำหนด จำนวน 19,635 ล้านบาท ได้แก่ 1) การปรับโครงสร้างพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ 8,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลทั้งจำนวน และ 2) การปรับโครงสร้างตั๋วเงินคลัง 11,635 ล้านบาท เนื่องจากในวันที่ 24 กันยายน 2557 มีตั๋วเงินคลังที่จะต้องประมูลทั้งสิ้น 37,135 ล้านบาท แต่ไม่สามารถประมูลได้ครบตามจำนวนจึงได้ทำการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 11,635 ล้านบาท เพื่อทดแทนจำนวนตั๋วเงินคลังที่ขาดไป ทำให้ ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ยอดคงค้างของตั๋วเงินคลังลดลงอยู่ที่วงเงิน 90,500 ล้านบาท
2. พันธบัตรออมทรัพย์ที่ออกภายใต้ พ.ร.ก.ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่สองฯ(FIDF 3) ที่ครบกำหนดจำนวน 10,820 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ 10,000 ล้านบาท และการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 820 ล้านบาท
ทั้งนี้ การรายงานการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลจะไม่รวมการ Roll over ตั๋วเงินคลัง เนื่องจากการกู้เงินโดยการออกตั๋วเงินคลังเป็นการกู้ในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่งจะไม่เกินวงเงินที่กำหนด โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ.2557 มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ-เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน 102,135 ล้านบาท และกระทรวงการคลังจะทำการ Roll over ตั๋วเงินคลังที่ครบกำหนดตามอายุของตั๋วเงินคลังในแต่ละรุ่น
ส่วนการชำระหนี้ของรัฐบาลนั้น ในเดือนกันยายน 2557 กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้จำนวน 37,242.45 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.การชำระหนี้ของรัฐบาลจากงบประมาณชำระหนี้ เป็นจำนวน 23,334.19 ล้านบาท ดังนี้ ชำระหนี้ในประเทศ 23,326.47 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 15,063.07 ล้านบาท ดอกเบี้ย 8,255.89 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 7.51 ล้านบาท และชำระหนี้ต่างประเทศ 7.72 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ย 7.43 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 0.29 ล้านบาท
การชำระหนี้ของรัฐบาลจากแหล่งอื่น เป็นจำนวน 13,908.26 ล้านบาท ดังนี้ 1.การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก.ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 1) จำนวน 5,094.15 ล้านบาท แบ่งเป็นการชำระต้นเงินกู้ 4,000 ล้านบาท และการชำระดอกเบี้ย 1,094.15 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2
2. การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก.ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่สองฯ (FIDF 3) จำนวน 8,814.11 ล้านบาท แบ่งเป็นการชำระต้นเงินกู้ 5,586.56 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 1 ที่ได้รับจากการโอนสินทรัพย์คงเหลือในบัญชีผลประโยชน์ รวมถึงการชำระดอกเบี้ย จำนวน 3,227.55 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2
ทั้งนี้ แหล่งเงินที่นำเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2 ประกอบด้วย 1.เงินกำไรสุทธิของธนาคารแห่งประเทศไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 2.เงินที่สถาบันการเงินนำส่งธนาคารแห่งประเทศไทย 3.เงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน และ 4.เงินโอนจากบัญชีกองทุนเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ฯ
ด้านการบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจนั้น ในเดือนกันยายน 2557 รัฐวิสาหกิจได้มีการกู้เงินในประเทศเป็นเงิน 21,200 ล้านบาท ปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นเงิน 12,144 ล้านบาท ส่วนการบริหารจัดการหนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจเพื่อลดต้นทุนเงินกู้และป้องกันความเสี่ยงทางการเงินในเดือนกันยายน 2557 ไม่มีการบริหารจัดการหนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจ