ส่วนในปี 58 คาดว่าตลาดน่าจะดีขึ้น โดยจะเติบโตประมาณ 8.5% คิดเป็นมูลค่า 2.9 ล้านล้านบาท เนื่องจากการขยายโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพและปริมาณฑล การลงทุนในโรงสร้างพื้นฐานที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง การเปิดเออีซี และการส่งออกในปีหน้าจะสูงขึ้นจากปีนี้ ที่ติดลบ 0.3 % คาดว่าปีหน้าจะเติบโตไปได้ถึง 2.0-4.5% ส่งผลภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่ดีขึ้น
"ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ไดัรับผลกระทบจากเศรษฐกิจโดยรวม ส่งผลให้ตลาดสินเชื่อบ้านของระบบธนาคารในปีนี้จะเติบโตเพียง 6-8% คิดเป็นยอดรวมสินเชื่อบ้านอยู่ที่ 2.7 ล้านล้านบาท" นายชาติชาย กล่าว
ทั้งนี้ จากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยเกี่ยวกับปัจจัยที่สร้างความกังวลต่อการซื้อที่อยู่อาศัย พบว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจ การเมือง ค่าครองชีพและหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ส่งผลให้ครึ่งปีแรกการลงทุนโครงการใหม่ชะลอตัวและยอดการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ลดลง เนื่องจากลูกค้าส่วนหนึ่งมีความระมัดระวังในการกู้เงินเพื่อสร้างหนี้มากขึ้น จากความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จากเดิมอยู่ที่ระดับ 16.7% เพิ่มเป็น 20.8% และค่าครองชีพ ปรับตัวสูงขึ้น จากเดิมอยู่ที่ระดับ 18% เพิ่มเป็น 19.5%
นอกจากนั้นจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นเป็นลำดับ จากสถิติปี 2555 อยู่ที่ 77% ของจีดีพี ปี 2556 เพิ่มเป็น 82% ของจีดีพี และในปี 2557 ตัวเลขยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปีนี้จะสูงถึง 85% ของจีดีพี ทำให้ทิศทางการอนุมัติสินเชื่อบ้านของสถาบันการเงินไปจนถึงสิ้นปีนี้ก็จะทำได้ยากขึ้นเพราะผู้บริโภคมีภาระการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยของหนี้ครัวเรือนแตะระดับ 30% ของรายได้ครัวเรือน
อย่างไรก็ตาม หลังมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทำให้ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวในทิศทางดีขึ้น ทั้งในแง่ของ ความไม่แน่นอนภาวะเศรษฐกิจ จากเดิม 27.7% ลดลงเหลือ 26.9% ความไม่แน่นอนของรายได้ในอนาคต จากเดิม 24.4% ลดลงเหลือ 23.2% และความไม่สบายใจจาก ภาวะการเมืองในประเทศ จากเดิม13.2% ลดเหลือเพียง 9.6% จึงมีแนวโน้มว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้และปีหน้าจะดีขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 จะฟื้นตัวดีกว่าปี 2557